21 ส.ค. เวลา 09:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Win Investment Journal Ep.2 : South Sea หุ้นผีร้ายที่ฝังใจเซอร์ไอแซค นิวตัน

จริงหรือ… แม้แต่อัจฉริยะก็เจ๊งหุ้นได้
เมื่อพูดถึงตลาดหุ้น ภาพจำที่คนส่วนใหญ่นึกได้คงเป็นภาพกราฟหลากสีฉวัดเฉวียนหลายตา แท่งเทียนแดงเขียวก่อตัวเป็น Pattern สลับซับซ้อนเยี่ยงรหัสลับที่ถอดโดยภูมิปัญญาของอลัน ทัวริ่ง (นักคณิตศาสตร์ผู้คิดค้นเครื่องถอดรหัสลับจากฝ่ายนาซี วีรบุรุษฝ่ายบุ๋นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2)
ประกบด้วยอินดิเคเตอร์ที่คำนวณจากสมการแสนซับซ้อนชวนปวดสมองซีกซ้าย การตีความ Elliott wave มาอยู่ในช่วงไหนดูไปก็คล้ายอาจารย์แพทย์กำลังวินิจฉัยระยะมะเร็งผู้ป่วยผ่านแผ่นฟิลม์ฉายรังสี หรือแม่กระทั่งสายพื้นฐานอย่าง VI ที่ต้องอ่านงบการเงินที่มีแต่ตัวเลขลายตาราวกับต้องบริโภคตัวเลขเป็นอาหาร
ดูแลการลงทุนหุ้นดูเป็นอะไรที่เข้าทางคนที่มีอัจฉริยะภาพด้านคณิตศาสตร์ ใช้คณิตศาสตร์แสนซับซ้อนมาถอดรหัสลับของตลาดหุ้นได้
พูดถึงนามเซอร์ไอแซค นิวตัน เด็กนักเรียนชั้นประถมถึงมัธยมทุกคนล้วนหนีชื่อนี้ไม่พ้น ด้วยความช่างสังเกตบวกกับจิตวิญญาณนักวิทยาศาสตร์อันแรงกล้าและอัจฉริยภาพด้านฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์ ทำให้ท่านสามารถถอด pattern ของแรงโน้มถ่วงซึ่งเป็นหนึ่งในความลับ (ความจริง)ของจักรวาล ด้วยศักยภาพระดับท่านที่ไต่ไปเรียนรู้อำนาจจากพระเจ้าที่สรรสร้างจักรวาล การลงมาเล่นในสนามตลาดหุ้นน่าจะเป็นของหมูๆสำหรับท่านเซอร์ จริงมั้ยครับ
แปลกแต่จริง!! เซอร์ไอแซค นิวตัน เจ๊งในตลาดหุ้นย่อยยับอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง!! ลือกันว่า หลังเหตุการณ์ฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ ห้ามใครพูดคำว่า South Sea เข้าหูท่านเซอร์เป็นอันขาด !!
ช่วงค.ศ.1721 ซึ่งถือว่าเป็นบั้นปลายชีวิตของท่าน นอกจากความสำเร็จเรื่องปฏิรูปองค์ความรู้ฟิสิกส์ ท่านดำรงตำแหน่งนายกราชสมาคม (Royal Society) อีกทั้งควบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงกษาปณ์ (Royal Mint) ซึ่งระหว่างนั้นท่านถือเป็นนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัยและสม่ำเสมอ ทรัพย์สินที่ท่านเก็บออมได้เป็นจำนวนมากไม่ได้เก็บไว้ในรูปอสังหาริมทรัพย์เลย แต่เก็บไว้ในรูปพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นตัวใหญ่ที่แข็งแกร่งมั่นคงของตลาดหลักทรัพย์อังกฤษในช่วงนั้น
แต่แล้วด้วยเวลาไม่กี่เดือน ทรัพย์สินเกือบทั้งหมดที่ท่านเซอร์เคยสะสมไว้ในรูปแบบพันธบัตรรัฐบาลกลับสูญหายไปกับฟองสบู่หุ้น South Sea !!!
เรามาทำความรู้จักหุ้นตัวร้ายในใจท่านเซอร์กันดีกว่า South Sea คือบริษัทที่จดแจ้งไว้ว่าดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเดินเรือค้าทาสประจำเส้นทางจากแอฟริกาตะวันตกไปยังอเมริกาใต้ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นเส้นทางของสเปน แต่ช่วงนั้นสเปนมีปัญหาภายในเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง บริษัทฯจึงอ้างว่าอาศัยโอกาสนี้เข้ามาแทนที่เจ้าเก่า ทว่าที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีการค้าทาสจริงๆเลยแม้แต่สักลำเรือ อาศัยการถือครองพันธบัตรรัฐบาลและมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นบริษัทฯอย่างสม่ำเสมอ
อันที่จริงท่านเซอร์ก็ถือหุ้นตัวนี้มานานหลายปีแล้ว จนกระทั่งประมาณเดือนเมษายน ค.ศ.1721 ที่บริษัทฯมีประชุมผู้ถือหุ้นและมีการออกหุ้นใหม่เพิ่มเติม ประจวบกับโหมประโคมข่าวดีของบริษัทสองเรื่องได้แก่เรื่องแนวโน้มความคืบหน้าในการเดินเรือค้าทาส กับเรื่องที่บริษัทฯได้ดีลพิเศษกับรัฐบาลทำให้ได้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลในต้นทุนที่ต่ำกว่าปกติมากๆๆ อีกทั้งพระเจ้าจอร์จที่ 1 ซึ่งเป็นกษัตริย์ในเวลานั้นยังนั่งดำรงตำแหน่งบอร์ดกิติมศักดิ์ ทำให้ยืนยันความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจนสูงมิดปรอท
ข่าวดีโหมประโคมผลักดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่แน่นิ่งเนิ่นนานอยู่ที่ประมาณเฉียด 200 ปอนด์ต่อหุ้น วันแรกหลังการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 1721 ราคาหุ้นก็วิ่งไปอยู่ที่ 315 ปอนด์ต่อหุ้น ท่านเซอร์ขายหุ้นรับกำไรเบ่งบานไปตั้งแต่ราคาขึ้นไปได้ไม่นาน
เรื่องมันควรจบที่ฟันกำไรยิ้มแก้มปริ แต่ไม่ครับ มันยังแค่เริ่มต้น !!!
หลังจากนั้นราคาหุ้นพุ่งทะยานขึ้นด้วยอัตราเร่งชนิดที่สมการแรงโน้มถ่วงก็ไขได้ไม่กระจ่าง ขึ้นไปเป็นประมาณ 2 เท่าในช่วงเวลาเพียง 1-2 เดือน แล้วมันก็ยังไม่หยุด!! มันทะยานขึ้นไปสู่ระดับ 1000 ปอนด์ต่อหุ้นในเวลาไม่ถึงครึ่งปี !!!
จากเคยกำไรมากก็กลายเป็นทุกข์ได้เมื่อเห็นคนอื่นได้กำไรมากกว่ามากๆๆ อาการเจ็บปวดเพราะเป็นคนขายหมูได้เล่นงานนักวิทยาศาสตร์ระดับตำนานผู้นี้เข้าให้ หลุมดำในใจดูดดียิ่งกว่ากฎแรงโน้มถ่วงจะคำนวณได้ถึง สุดท้ายท่านเซอร์ก็ตัดสินใจขายทรัพย์สินแสนมั่นคงที่มีอยู่เดิมจนเกือบหมด เพื่อเอาทุ่มหนักๆลงในหุ้น South Sea ลูกพ่อตัวนี้ มันคือม้าเต็งที่พ่อนิวตันให้เป็นลูกรัก และเดิมพันกับมัน ณ ราคายอดเอเวอร์เรส !!
งานปั่นยอมมีเวลาเลิกราของเจ้ามือ เมื่อผลลัพธ์ปรากฎว่าบริษัทไม่สามารถสร้างกำไรได้จริงตามที่นักลงทุนแห่กันคาดหวัง ราคาหุ้นก็ถูกถล่มลงมาอย่างไร้เยื่อใย ไม่เกรงใจเหยื่อนักลงทุนทุกผู้ ต้อให้ผู้นั้นจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับตำนานที่ไขความลับเรื่องแรงโน้มถ่วงของจักรวาลได้ก็ตาม
ท่านเซอร์ไอแซค นิวตัน ถึงกับเคยกล่าวประโยคเด็ดเอาไว้ว่า “Can calculate the motion of heavenly bodies, but not the madness of people” ความหมายกลายๆว่าการคาดการณ์พฤติกรรมของฝูงชนยากยิ่งกว่าไขความลับจักรวาลเสียอีก
แต่ในเหตุการณ์เดียวกันก็มีนักลงทุนบางคนได้ประโยชน์มหาศาลจากเหตุการณ์ฟองสบู่ เช่น Thomas Guy ซึ่งได้กำไรจากฟองสบู่ South Sea อย่างมหาศาลแล้วนำไปเป็นทุนสร้างโรงพยาบาล Guy’s Hospital ที่มีชื่อเสียงในกาลต่อไป
และเหตุการณ์ฟองสบู่เช่นนี้ก็ยังพบได้ในตลาดหุ้นเป็นระยะๆเรื่อยมา สดๆร้อนๆในตลาดหุ้นไทยเช่นกรณี MORE, OTO และ Stark แม้ pattern กับลักษณะบริษัทจะเปลี่ยนแปรไปตามสถานการณ์และเหตุการณ์ แต่ concept ที่เป็นแก่นในนั้นยังเหมือนเดิม นั่นคือเล่นกับความกลัวและโลภของมนุษย์ รวมถึงการชอบเปรียบเทียบความสำเร็จของตัวเองกับผู้อื่น
อย่างที่เซียนตลาดการลงทุนหลายท่านเคยสรุปไว้ว่า การลงทุนโดยเฉพาะตลาดที่มีความเสี่ยงสูงอย่างตลาดหุ้น ความรู้จะมีความสำคัญถึงแค่ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเหนือขึ้นไปกว่านั้นจะเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ ความรู้ไม่ได้ประกันความสำเร็จในการลงทุน มิเช่นนั้นศาสตราจารย์ด้านการเงินคงมีพอร์ตมากกว่าหมื่นล้านกันทุกคนแล้ว เซียนในตลาดคงมีแต่นักวิเคราะห์ และนักบัญชีคงเป็นนักลงทุน VI ที่เก่งที่สุด แต่ในโลกความเป็นจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น
สิ่งสำคัญคือการค้นพบแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งถูกต้องที่ว่าคือเหมาะสมหรือถูกจริตกับตัวเองที่สุด จากนั้นยึดมั่นกับแก่นแนวทางนั้นอย่างเหนียวแน่น ปรับเปลี่ยนวิธีการเปลือกนอกบ้างไปตามสถานการณ์ และที่สำคัญคือต้องดัดนิสัยชอบเปรียบเทียบผลตอบแทนกับคนอื่น จงพอใจเมื่อการลงทุนสามารถตอบเป้าประสงค์ที่เราตั้งไว้
การชอบเปรียบเทียบนี่แหละที่ทำให้เราอยากเอาชนะไม่รู้จบ ทำให้ยอมทุ่มเกินหน้าตักไปกับทางที่เสี่ยงสูงและนำมาสู่ความผิดพลาดใหญ่หลวงอันไม่อาจกลับมายืนเหมือนเดิมได้อีก เพราะแต่ละคนมี timing ในการลงทุนไม่เหมือนกัน ปีนี้ของเราได้แค่ 10% ในขณะที่คนอื่นได้ 200% ก็ไม่ได้แปลว่าล้มเหลว เพราะระยะยาวก็ต้องมาดูปัจจัยอื่นอีกเช่น ความเสี่ยง ความสม่ำเสมอ ความใหญ่ของพอร์ต เป็นต้น
สุดท้ายขอให้ทุกท่านค้นพบแก่นแนวทางการลงทุนของตัวเองครับ
AdWin InVesTor
โฆษณา