หรือนี่คือ “เหตุผลหนึ่ง” ปูตินถึงต้องการทั้งดอนบาส (แคว้นโดเนตสค์ทั้งหมด)
ขณะที่เซเลนสกีหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมยกให้ถึงแม้จะมีดีลแลกแคว้น
นับตั้งแต่ช่วงการประชุมสุดยอดที่อลาสกาของ “ปูติน” กับ “ทรัมป์” ความสนใจของทั่วโลกได้หันไปที่พื้นที่ส่วนหนึ่งของ “แคว้นโดเนตสค์” ซึ่งยูเครนยังคงควบคุมไว้ได้อยู่ และปูตินต้องการได้ดินแดนในส่วนนี้ถึงขนาดมีการพูดถึงดีลแลกแคว้นกันเลยทีเดียว
ดินแดนส่วนนี้เป็นที่ตั้งของ “แนวป้อมปราการ” (Fortress Belt) ของยูเครน ซึ่งเป็นแนวป้องกันและฐานที่มั่นซึ่งเป็นแนวที่มาความยาว 31 ไมล์ ซึ่งสร้างขึ้นมานานกว่าทศวรรษแล้ว สื่อตะวันตกต่างโต้แย้งว่าเขตป้อมปราการนี้เป็นทั้งแรงจูงใจสำหรับข้อเรียกร้องของปูติน และเป็นเหตุผลที่ข้อเสนอของเขาไม่เป็นผลสำเร็จ ยูเครนไม่ยอมยกให้
ที่มาภาพ: ISW
เมื่อ 15 สิงหาคม 2025 ปูติน กับ ทรัมป์ ได้พบกันที่อลาสกาเพื่อหารือกันเป็นแบบ 3-ต่อ-3 เป็นครั้งแรกเกี่ยวกับสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานว่า ปูตินใช้การประชุมครั้งนี้เพื่อวางเงื่อนไขในการยุติปฏิบัติการพิเศษทางทหาร นอกจากการเรียกร้องสถานะอย่างเป็นทางการสำหรับภาษารัสเซียและการอนุญาตให้คริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียดำเนินงานในยูเครนแล้ว
ปูตินยังเรียกร้องให้รัสเซียได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร รับรองไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซียอย่างเป็นทางการ และถอนกำลังทหารยูเครนทั้งหมดออกจากแคว้นโดเนตสค์และลูฮันสค์ (ดอนบาส) ในทางกลับกันรัสเซียก็พร้อมที่จะตรึงแนวหยุดยิงในแคว้นเคอร์ซอนและซาปอริซเซีย และถอนกำลังออกจากแคว้นซูมีและคาร์คิฟของยูเครน
ตามการคำนวณโดยรอยเตอร์จากข้อมูลโอเพนซอร์สแสดงให้เห็นว่า เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2025 กองกำลังรัสเซียครอบครองพื้นที่ทั้งหมด 19% ของยูเครน ประกอบด้วยพื้นที่ 74% ของแคว้นเคอร์ซอนและซาปอริซเซีย แคว้นลูฮันสค์อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียเกือบทั้งหมด แต่ใน “โดเนตสค์” กองกำลังยูเครนยังคงยึดครองพื้นที่สำคัญไว้ได้ ยูเครนควบคุมพื้นที่ประมาณ 25% ของแคว้นนี้ หรือประมาณ 6,600 ตารางกิโลเมตร
เครดิตภาพ: Ivan Antypenko / Reuters / Scanpix / LETA
เซเลนสกียืนยันซ้ำหลายรอบแล้วว่า ยูเครนจะไม่ยกดินแดนของตนให้รัสเซียเป็นอันขาด สื่อไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า ผู้นำยูเครนอาจเปิดรับ “การประนีประนอมที่ยอมรับได้” กับรัสเซีย โดยการตรึงแนวปะทะปัจจุบันไว้เบื้องหลัง แต่เขามองว่าการถอนตัวโดยสมัครใจจากพื้นที่ดอนบาสในส่วนที่ยังไม่ถูกรัสเซียยึดครองนั้นเป็นขั้นตอนที่ “เป็นไปไม่ได้”
การเข้าควบคุมดอนบาสอย่างเต็มรูปแบบถือเป็นหนึ่งใน “ข้อเรียกร้องสำคัญของปูติน” และนี่ไม่ใช่เพียงเพราะรัสเซียได้ทำประชามติกับคนในพื้นที่เพื่อผนวกแคว้นโดเนตสค์และลูฮันสค์ทั้งหมดอย่างเป็นทางการในปี 2022 เท่านั้น แต่ยังอ้างสิทธิ์ดินแดนแคว้นเคอร์ซอนและซาปอริซเซียในเวลาเดียวกันอีกด้วย และตามรายงานของสื่อ รัสเซียดูเหมือนจะเต็มใจที่จะตรึงแนวหยุดยิงในส่วนของแคว้นทางใต้เหล่านั้น (เพื่ออย่างน้อยใช้เป็นแลนด์บริดจ์เชื่อมกับไครเมีย)
ดิอีโคโนมิสต์ชี้ว่าสาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่ “แนวป้อมปราการ” ของยูเครนทางตอนเหนือของโดเนตสค์ แนวป้องกันยาว 50 กิโลเมตร (31 ไมล์) ทอดยาวจาก “สโลเวียนสค์” และ “ครามาทอร์สค์” ไปจนถึง “ดรูชกิฟกา” และ “คอสตียันตินีฟกา” เป็นกำแพงสำคัญที่รัสเซียไม่อาจบุกทะลวงเข้ามาทางตอนกลางของยูเครนได้
ถ้ารัสเซียได้ดอนบาสทั้งหมด ไม่เพียงแต่รัสเซียจะได้ยึดครองแคว้นสำคัญสองแคว้นนี้แล้ว แต่จะมีศักยภาพและโอกาสที่พวกเขาจะเริ่มบุกรุกคืบเข้าไปยังภูมิภาคอื่นๆ ตอนกลางของยูเครนอีกด้วย
เครดิตภาพ: 24 Mechanized brigade / EPA
“แนวป้อมปราการโดเนตสค์” เป็นพื้นที่เมืองที่มีการก่อสร้างอาคารหนาแน่น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรุกคืบของกำลังพลรัสเซีย การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2014 หลังจากที่รัสเซียผนวกไครเมียและเริ่มสงครามที่ดอนบาส หลังจากบัคมุตถูกรัสเซียยึดได้ในปี 2023 ยูเครนได้เสริมกำลังในพื้นที่ดังกล่าวด้วยการสร้างบังเกอร์ สนามเพลาะ ทุ่นระเบิด และเครื่องกีดขวางต่อต้านรถถัง (ฟันมังกร)
อันดรี ซาโฮรอดนิอุค อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครนให้สัมภาษณ์กับดิอีโคโนมิสต์ว่า ยูเครนได้ลงทุนมหาศาลในป้อมปราการเหล่านี้ ระบุว่าครามาทอร์สก์และสโลเวียนสก์ได้กลายเป็น “เมืองป้อมปราการ” ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์สำหรับกองทัพและศูนย์การผลิตทางทหารของยูเครน
ในทางกลับกันรัสเซียอาจเลือกที่จะไม่โจมตีครามาทอร์สค์และสโลเวียนสค์โดยตรง แต่จะล้อมเมืองต่างๆ ไว้ บีบให้กองทัพยูเครนต้องออกจากตำแหน่งที่ตั้ง กองกำลังรัสเซียได้ยึดฐานที่มั่นอื่นๆ ที่มีป้อมปราการแน่นหนาไว้แล้วก่อนหน้านี้ เช่น อัฟดิฟกา
เครดิตภาพ: AFP
การยอมจำนนออกจาก “แนวป้อมปราการโดเนตสค์” จะเป็นปัญหาสำหรับยูเครนด้วยเหตุผลหลายประการ
- ●ประการที่ 1: ชาวยูเครนหลายคนอาจมองว่าเป็นการทรยศต่อการเสียสละทั้งหมดที่เพื่อนร่วมชาติได้อุทิศไว้
- ●ประการที่ 2: กองทัพยูเครนไม่สามารถถอนกำลังและสร้างป้อมปราการใหม่ในที่อื่นได้ง่ายๆ ซึ่งต้องใช้ทั้งเงินและเวลา
- ●ประการที่ 3: ในมือของรัสเซีย พื้นที่ป้อมปราการเหล่านี้จะถูกใช้เป็นฐานยิงตามธรรมชาติสำหรับการบุกรุกคืบต่อไป
“มันไม่ใช่แค่สนามเพลาะ” เอลินา เบเคโทวา นักวิจัยจากศูนย์วิเคราะห์นโยบายยุโรป (CEPA) กล่าวกับดิอินดิเพนเดนต์ว่า “มันเป็นแนวการป้องกันที่ลึกและซับซ้อนหลายชั้น มีทั้งบังเกอร์ คูน้ำป้องกันรถถัง ทุ่นระเบิด และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นในภูมิประเทศที่ซับซ้อน พื้นที่นี้ประกอบด้วยพื้นที่สูง แม่น้ำ และเขตเมืองที่ทำให้การยึดครองเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง”
เธอยังเตือนด้วยว่า หากแนวป้องกันเหล่านี้ถูกทำลาย แนวหน้าจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก 80 กิโลเมตร ได้ทันที ทำให้รัสเซียสามารถเข้าถึง “พื้นที่เปิดโล่ง ทุ่งหญ้าสเตปป์ราบเรียบไม่มีสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติ ทำให้รัสเซียสามารถเดินทางไปยังคาร์คิฟ โปลตาวา และดนีโปรได้โดยตรง”
เครดิตภาพ: Sky News
- ■บทวิเคราะห์:
ทางเพจมองว่า “แนวป้อมปราการโดเนตสค์” ไม่น่าจะเป็นเหตุผลหลักและเหตุผลเดียวที่รัสเซียเรียกร้องขอพื้นที่ดอนบาสทั้งหมด มองได้ว่าปฏิบัติการรุกอย่างต่อเนื่องของรัสเซียที่มุ่งเป้าไปที่แนวป้อมปราการเหล่านี้มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางการเมืองเข้ามาร่วมด้วย
นั่นคือการทำลายเสถียรภาพของยูเครนและทำให้เซเลนสกีอ่อนแอลงด้วยการบังคับให้กองกำลังยูเครนถอนตัวออกจากพื้นที่ยุทธศาสตร์ โดยทางรัสเซียชอบใช้วาระผ่านวาทกรรมเรื่อง “การปกป้องคนเชื้อสายรัสเซียในดอนบาส” อยู่เป็นประจำ
ขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ยูเครนปฏิเสธที่จะยกดินแดนทั้งหมดในส่วนดอนบาสให้รัสเซีย เมื่อพิจารณาจากอัตราการรุกคืบของรัสเซียในปัจจุบันและกำลังพลของยูเครนที่มีอยู่จำกัด สถานการณ์ที่ว่ารัสเซียเข้ายึดแนวป้อมปราการนี้ได้อาจเกิดขึ้นได้จริงในช่วงปีหน้า 2026 การเข้ายึดแนวป้อมปราการโดเนตสค์น่าจะง่ายกว่าการบุกเพื่อยึดพื้นที่ที่ยังไม่ได้ในแคว้นเคอร์ซอนและซาปอริซเซีย
เรียบเรียงโดย Right Style
21st Aug 2025
- ■อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Gleb Garanich / Reuters / Scanpix / LETA>
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
