Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สารพันความรู้
•
ติดตาม
23 ส.ค. เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
การขโมยเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสวีเดน (Sweden Crown Jewels Heist 2018)
บทนำ : ความหมายของเครื่องราชกกุธภัณฑ์
เครื่องราชกกุธภัณฑ์ (Crown Jewels) ถือเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมงกุฏ คทา ลูกโลกทองคำ หรือของประดับพระราชพิธีต่าง ๆ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ไม่เพียงมีมูลค่ามหาศาลในเชิงวัตถุศาสตร์จากทองคำ เพชร และอัญมณีล้ำค่า แต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนอำนาจ ความชอบธรรม และความต่อเนื่องของสถาบันกษัตริย์ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชาติ
ในประเทศสวีเดน เครื่องราชกกุธภัณฑ์มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา สะสมสืบทอดจากราชวงศ์ต่อราชวงศ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “มงกุฏของพระเจ้าชาร์ลที่ 9 (King Charles IX)” และ “มงกุฏของสมเด็จพระราชินีคริสตินา (Queen Christina)” ถือเป็นของคู่บารมีที่มีความสำคัญที่สุดในราชสำนักสวีเดน
แต่แล้วเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 โลกทั้งโลกต่างตกตะลึง เมื่อโจรกล้าบุกเข้าไปขโมยมงกุฏทองคำและเครื่องราชกกุธภัณฑ์อื่น ๆ กลางวันแสก ๆ จากโบสถ์ Strängnäs Cathedral ในสวีเดน ก่อนจะหลบหนีด้วยวิธีการอันชาญฉลาดและอุกอาจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุโรป
บทความนี้จะพาผู้อ่านไปทำความเข้าใจคดีดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ภูมิหลัง ความหมายของเครื่องราชกกุธภัณฑ์สวีเดน ไปจนถึงลำดับเหตุการณ์จริง การสืบสวน การจับกุม ตลอดจนบทเรียนที่สังคมและโลกได้รับจากคดีโจรกรรมอันลือลั่นนี้
1. เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของสวีเดน : มรดกแห่งราชวงศ์
เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของสวีเดน (Swedish Crown Jewels) เป็นชุดเครื่องประดับที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและงานพระราชพิธีสำคัญในอดีต ตัวอย่างเช่น
มงกุฏของพระเจ้าชาร์ลที่ 9 (1604) ทำด้วยทองคำ ประดับด้วยอัญมณีหลากชนิด มีการออกแบบแบบเรอเนสซองส์ยุคปลาย แสดงถึงอำนาจของพระองค์ในช่วงที่สวีเดนกำลังเติบโตเป็นมหาอำนาจในยุโรปเหนือ
มงกุฏของสมเด็จพระราชินีคริสตินา (1626) ซึ่งทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ มงกุฏนี้สะท้อนภาพลักษณ์ความยิ่งใหญ่และความทันสมัยของราชสำนักสวีเดนในยุคนั้น
ลูกโลกทองคำ (Royal Orb) และ คทา (Sceptre) สัญลักษณ์แห่งอำนาจอธิปไตยและความชอบธรรม
แม้ว่าสวีเดนจะเลิกพิธีบรมราชาภิเษกตั้งแต่ปี 1907 แต่เครื่องราชกกุธภัณฑ์เหล่านี้ยังถูกเก็บรักษาไว้ในฐานะสมบัติประจำชาติ เป็นทั้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกพันกับอัตลักษณ์ของสวีเดน
2. Strängnäs Cathedral : สถานที่เก็บมรดก
Strängnäs Cathedral เป็นโบสถ์เก่าแก่ตั้งอยู่ในเมือง Strängnäs ห่างจากกรุงสตอกโฮล์มประมาณ 100 กิโลเมตร โบสถ์แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 และเคยเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์นิกายลูเธอแรนของสวีเดน
ในโบสถ์นี้ มีการจัดแสดงเครื่องราชกกุธภัณฑ์บางส่วนภายในตู้กระจกนิรภัย เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชม อย่างไรก็ตาม มาตรการรักษาความปลอดภัยในเวลานั้นยังถือว่าไม่เข้มงวดเทียบเท่ากับพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ เช่น ระบบสัญญาณกันขโมยที่ทันสมัย หรือการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ช่องว่างนี้เองที่เปิดโอกาสให้เกิดการปล้นครั้งใหญ่ในปี 2018
3. วันเกิดเหตุ : 31 กรกฎาคม 2018
บ่ายวันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2018 เวลาโดยประมาณ 12.45 น. ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนกำลังเยี่ยมชมโบสถ์ Strängnäs Cathedral จู่ ๆ มีชายสองคนวิ่งบุกเข้าไปยังบริเวณจัดแสดงเครื่องราชกกุธภัณฑ์
โจรทั้งสองใช้ค้อนทุบกระจกนิรภัยของตู้แสดงผลงานอย่างรวดเร็วและหยิบเอามงกุฏทองคำของพระเจ้าชาร์ลที่ 9 มงกุฏของสมเด็จพระราชินีคริสตินา และลูกโลกทองคำ แล้วรีบวิ่งออกจากโบสถ์
สิ่งที่น่าตกใจคือ ทุกอย่างเกิดขึ้นกลางวันแสก ๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนหลายคน บางคนยังคิดว่าเป็นการซ้อมหรือการแสดง เนื่องจากความเร็วและความกล้าอันเหลือเชื่อของผู้ก่อเหตุ
4. การหลบหนีอันอุกอาจ
หลังจากออกจากโบสถ์ โจรทั้งสองปั่นจักรยานไปยังท่าเรือเล็กริมทะเลสาบ Mälaren ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์ แล้วกระโดดขึ้นเรือยนต์ความเร็วสูงที่เตรียมไว้ล่วงหน้า
การหลบหนีทางน้ำทำให้ตำรวจในพื้นที่ไม่สามารถติดตามได้ทันที เนื่องจากทะเลสาบ Mälaren มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีทางน้ำเชื่อมต่อหลายเส้นทาง
ความรวดเร็ว การวางแผน และความกล้าที่โจรใช้ ทำให้สื่อมวลชนเรียกคดีนี้ว่า “Hollywood-style heist” หรือ “การปล้นแบบหนังฮอลลีวูด”
5. การสืบสวน : จากความมืดสู่ความกระจ่าง
ตำรวจสวีเดนรีบระดมกำลังสืบสวนทันที โดยอาศัยข้อมูลจากพยาน นักท่องเที่ยว และกล้องวงจรปิดในพื้นที่ Strängnäs รวมถึงเส้นทางน้ำในทะเลสาบ Mälaren
ไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชายวัย 22 ปีคนหนึ่ง ซึ่งถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้งนี้ ต่อมามีการสืบสวนขยายผลจนสามารถระบุผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเครื่องราชกกุธภัณฑ์นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะและไม่สามารถขายในตลาดมืดได้ง่าย ๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าโจรอาจจะต้องซ่อนของไว้สักแห่งแทนที่จะนำออกไปขายโดยตรง
6. การกู้คืนมงกุฏ
กว่าสี่เดือนหลังการปล้น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ตำรวจสวีเดนสามารถกู้คืนเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่ถูกขโมยได้ในสภาพสมบูรณ์
รายงานระบุว่า ของมีค่าถูกพบในถังขยะทิ้งข้างบ้านในสตอกโฮล์ม โดยผู้อยู่อาศัยแจ้งตำรวจหลังเห็นกล่องต้องสงสัย การตรวจสอบยืนยันว่าเป็นมงกุฏและลูกโลกทองคำที่หายไป
การค้นพบนี้นับว่าเป็นข่าวดีของสวีเดน และทำให้เครื่องราชกกุธภัณฑ์กลับคืนสู่ที่จัดแสดงอีกครั้ง
7. ผลกระทบและการวิเคราะห์
เหตุการณ์ครั้งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน เช่น
ด้านความปลอดภัย : แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ในการป้องกันสมบัติประจำชาติ ทำให้สวีเดนต้องปรับปรุงมาตรการด้านการเฝ้าระวังและระบบนิรภัย
ด้านสังคม : ประชาชนรู้สึกตกใจและวิตกกังวลว่ามรดกทางวัฒนธรรมอาจถูกทำลายหรือสูญหาย
ด้านภาพลักษณ์ประเทศ : สื่อทั่วโลกจับตามองว่าสวีเดนจะรับมืออย่างไรกับการปล้นที่อุกอาจในเวลากลางวันเช่นนี้
ในเชิงอาชญวิทยา คดีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะแสดงให้เห็นว่าโจรสามารถใช้ “ความเร็ว + ความอุกอาจ” เข้ามาแทนที่ “เทคโนโลยีซับซ้อน” ได้สำเร็จ การโจรกรรมไม่ได้ต้องใช้เครื่องมือไฮเทคเสมอไป แต่ใช้การวางแผนง่าย ๆ ร่วมกับความกล้าก็เพียงพอ
8. บทเรียนที่โลกได้รับ
การปกป้องมรดกวัฒนธรรมต้องเข้มงวดไม่ต่างจากการปกป้องทรัพย์สินการเงิน
เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยต้องควบคู่กับการเตรียมกำลังคน
โจรกรรมยุคใหม่ไม่ได้พึ่งพาอาวุธหนัก แต่พึ่งพาความกล้าและความเร็ว
การสืบสวนและความร่วมมือของประชาชน มีบทบาทสำคัญ เช่นกรณีชาวบ้านที่ช่วยแจ้งเบาะแสการพบของกลาง
บทสรุป
การขโมยเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสวีเดน ปี 2018 เป็นคดีที่สะท้อนทั้งความอุกอาจของผู้ก่อเหตุและช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของมรดกโลก มันเป็นเรื่องราวที่ดูเหมือนภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่เกิดขึ้นจริงกลางยุโรป
แม้ของมีค่าจะถูกกู้คืนและผู้ก่อเหตุถูกจับ แต่คดียังคงเป็นเครื่องเตือนใจว่า มรดกทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะอยู่ในพิพิธภัณฑ์หรือโบสถ์เล็ก ๆ ก็อาจตกเป็นเป้าหมายของการปล้นได้ทุกเมื่อ หากมาตรการรักษาความปลอดภัยไม่เพียงพอ
ในเชิงสัญลักษณ์ มงกุฏไม่ได้เป็นเพียงทองคำและอัญมณี แต่เป็นหัวใจของชาติ ดังนั้นการรักษามงกุฏจึงเท่ากับการรักษาความทรงจำและศักดิ์ศรีของประเทศ
ความรู้รอบตัว
เรื่องเล่า
ชีวิต
บันทึก
5
1
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย