24 ส.ค. เวลา 06:44 • ความคิดเห็น
1. เริ่มแรกการศึกษาภาคบังคับในประเทศไทย บังคับให้เด็กไทยต้องศึกษาในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นเวลา 9 ปี (ป.1-ม. 3) ต่อมานับแต่ปี '40 รัฐธรรมนุญไทย กำหนดให้รัฐต้องจัดให้มีการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างน้อย 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย. ต่อมาปี'59 คณะรสช. กำหนดเพิ่มเป็น 15 ปี เพื่อให้ครอบคลุมเด็กอนุบาลก่อนวัยเรียนไปจนถึงม.6 หรือปวช. หรือเทียบเท่า
เมื่อผู้นำต้องการโชว์ผลงาน สิ่งที่ตามมาเบื้องหลัง ก็คืองบประมาณจากเงินภาษีที่จะต้องตามมาเป็นหางว่าว เพราะเมื่อกำหนดบังคับไว้เป็นกฎหมาย รัฐก็จะต้องจัดทำงบประมาณให้ครอบคุลมในส่วนนี้ไว้ทั้งหมด หมายรวมถึงครูบาอาจารย์ และเจ้าหน้าที่กระทรวง กรม กอง ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ซึ่งหมายถึง สพฐ. ซึ่งอยู่ภายใต้ปีกกระทรวงศึกษาธิการ
2. กยศ. คือสวัสดิการรัฐ ที่จัดสรรงบประมาณจากเงินภาษีส่วนหนึ่ง จากรายได้ดอกเบี้ยส่วนหนึ่ง และเงินบริจาคส่วนหนึ่ง ให้กู้เฉพาะเด็กที่เรียนต่อมัธยมปลาย หรือปวช. ไปจนถึงปริญญาตรี ฝั่งที่เป็นสายวิชาชีพ มีสอศ. ซึ่งอยู่ภายใต้ปีกกระทรวงศีกษา และฝั่งที่เป็นอุดมศึกษา จะอยู่ภายใต้หลายปีก ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัย ทั้งรัฐและเอกชนจะอยู่ภายใต้ปีกกระทรวงอว. ส่วนนี้รัฐจัดสรรงบประมาณจากเงินภาษีในรูปแบบ "เงินอุดหนุนบางส่วน" เพราะอยู่ในแผนที่จะให้ออกนอกระบบ เพราะสามารถจะเลี้ยงดูตัวเองได้
3. สำหรับเด็กต่างด้าว สพฐ.อ้างว่า ก็คณะรสช. ตามข้อ 1 กำหนดให้เด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยต้องได้เรียนฟรี 15 ปี ย้ำอีกครั้ง! "เด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย!" กศม. (คณะกก.สิทธิ์แห่งชาติ) อ้างหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ต้อง "Zero Discrimination" หน่วยงานที่รังสรรค์ความงดงามที่ว่านี้ ก็คือ
UN หรือ องค์การสหประชาชาติ
..................................
UN มีรายได้จากเงินบริจาค
และเงินสนับสนุนจากประเทศสมาชิก
(มีไทยเป็นสมาชิกอยู่ด้วย)
........................................................
สำหรับคำว่า จัดสรรงบ 800 ล้าน
ต้องเข้าใจว่า เรื่องเทาๆ ในการตั้งงบ ก็คือคำว่า "เผื่อ"
ดังนั้นที่ใช้ไปจริงๆ อาจจะไม่ถึงก็ได้
.....................................
แต่หากใช้ไม่หมด ก็ไม่พ้นจะถูกละลายไปกับ
การอบรมสัมมนา ทอดกฐิน ผ้าป่า
หรือเปล่า?^^
คนดีย์! คิดดีย์! เต็มบ้านเต็มเมือง
เห็นภาพนะ?^^
โฆษณา