เมื่อวาน เวลา 06:59 • ความคิดเห็น
โฉมหน้าที่แท้จริงของสังคม
คือการตกแต่งเปลือกนอกเพื่ออำพรางเนื้อใน
มันไม่ต่างอะไรกับ “กลิ่นกองขยะของหอพักรวม”
ในกองนั้น…
มีกลิ่นดอกไม้และธูปเทียนจากหิ้งบูชา ปนกับเศษผ้าอนามัยที่เปื้อนเลือดและกองขยะเน่า มีถุงยางที่ยังขังน้ำคาวโลกีย์อยู่ข้างใน มีกลิ่นน้ำหอมราคาแพงและเสื้อผ้าเนื้อดี มีอาหารเลิศรสที่ถูกทิ้งค้างไว้จนขึ้นรา
ทุกสิ่งปะปนกันยุ่งเหยิง เหมือนโลกที่เรายืนอยู่เต็มไปด้วย “ความงามที่ฉาบไว้” แต่ข้างในเน่าเฟะ และปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นแหละคือ “ความจริง”
ภาพลวงตาที่หอม แต่เนื้อแท้บูดเน่า
สังคมไม่เคยสะอาด ไม่เคยสวยงามอย่างที่เราถูกหลอกให้เชื่อ มันแค่ถูก “พรางกลิ่น” ด้วยคำสวยหรูและภาพลวงตา
เราแค่หลอกตัวเองให้เชื่อว่า
“ทุกอย่างโอเค”
ทั้งที่ทุกลมหายใจที่สูดเข้าไป
มันปะปนไปด้วยกลิ่นบูดเน่าของความจริงอยู่
เปลือกหรู เนื้อจริงราคาถูก
คนบางคนสร้างภาพเป็น “นักเทรดผู้ประสบความสำเร็จ” ไลฟ์สดโชว์กราฟ เทรดหุ้นจนร่ำรวย แต่พอคนติดตามเยอะๆ ก็เปิดคอร์สสอนแพงลิบ คำถามคือ ถ้าคุณรวยจริง คุณเทรดได้จริง ทำไมไม่สอนฟรี ทำไมยังต้องหากินกับคนที่ฝันอยากรวยเหมือนคุณ
1
คนบางคนพูดธรรมะ สอนสัจธรรม พอมีเงินหนา ก็เริ่มขายของ ขายน้ำพริก ขายคอร์สอาหารคลีน ใช่ มันไม่ผิดหรอก แต่การใช้ “เปลือกธรรมะ” ห่อหุ้ม “เนื้อผลประโยชน์” มันคือการผสมที่ทำให้กลิ่นเน่าแรงขึ้น ไม่ว่าจะอ้างอย่างไร สุดท้ายมันก็คือ “อาชีพที่ปลอมตัวเป็นความศรัทธา”
1
บางคนพูดจางดงาม สงบเย็น ยิ้มละมุนราวกับพระโพธิสัตว์ แต่ในใจกลับเดือดดาล ควันออกหู เพียงแค่เพราะโดนคนแซะในคอมเมนต์ หรือถูกแย่งซีนบนเวทีหนึ่งครั้ง
1
ความจริงที่คนไม่อยากพูดถึง
นักการเมืองที่ประกาศตัว “เพื่อประชาชน” แต่ท้ายที่สุดกลับทำทุกอย่างเพื่อพวกพ้องของตัวเอง ประชาชนเป็นเพียงฉากหลังสวยๆ ให้ภาพข่าวดูดีเท่านั้น
1
บริษัทใหญ่ที่ชอบพูดเรื่อง “ยั่งยืน” และ “CSR” แต่ข้างในรีดเลือดเนื้อแรงงาน ใช้สัญญาจ้างที่กดขี่ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้คนหมดแรงจนไม่เหลือเวลาไปใช้ชีวิต
1
คนธรรมดาที่พูดว่ารักสัตว์ รักสิ่งแวดล้อม แต่ยังซื้อกระเป๋าหนัง สั่งอาหารเดลิเวอรีทุกมื้อ แล้วโพสต์โซเชียลด้วยแคปชัน #รักษ์โลก
สังคมเรา มันคือความ “ป่าเถื่อนในคราบอารยธรรม”
ทุกอย่างถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นหอมของคำสวยหรู ภาพโฆษณา และคำพูดฉาบฉวย แต่เนื้อแท้ข้างในนั้นเน่าเฟะ ลุกลาม และยากจะแก้ไข
สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ความเน่าเฟะหรอก
แต่มันคือการที่ทุกคน “ยอมรับความเน่า” และยังช่วยกันตกแต่งเปลือกให้มันดูดีขึ้นทุกวัน
เพียงเพื่อให้ตัวเองเชื่อว่า… “เราไม่ได้อยู่ในกองขยะ”
2
เราชินกับการ “ตกแต่งบาดแผล”
แทนที่จะรักษามันอย่างแท้จริง
1
ความยากจน ถูกแปลงร่างเป็น “คอนเทนต์” ไลฟ์สดแจกข้าว แจกเงินเพื่อเรียกยอดไลก์และเรตติ้ง ทั้งที่ระบบที่กดคนให้จนยังคงอยู่
1
ความขาดแคลนทางการศึกษา ถูกคงไว้เพื่อให้ “โง่พอที่จะเชื่อ แต่ไม่ฉลาดพอที่จะตั้งคำถาม”
สภาวะจำยอม ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยล ผ่านหนี้สินและการโฆษณา ทำให้คนเชื่อว่าการเป็นหนี้คือหนทางสู่ “ชีวิตที่ดีขึ้น”
1
นี่คือกลไกที่แยบยล เครื่องจักรที่ผลิตภาพลักษณ์แห่ง “ความดี” พร้อมเสียงปรบมือและน้ำตาเทียม แต่ไม่เคยแก้ปัญหาที่แท้จริงเลย
เมื่อศาสนาก็เหลือเพียง “เปลือก”
ในยุคนี้ ศรัทธาถูกทำให้เป็นสินค้าบริโภค
วัดใหญ่โตโอ่อ่า พระพุทธรูปสูงเสียดฟ้า
งานบุญเต็มไปด้วยไฟส่องสว่าง
มีกล้องไลฟ์สด และป้ายสปอนเซอร์
แต่วัดที่แท้จริง วัดที่สร้าง “คน” กลับอยู่ลึกในป่า อยู่ในความเงียบ และอยู่ไกลจากสายตาของผู้คน ของดีมีน้อย คนที่เข้าถึงแก่นแท้ยิ่งน้อยลงไปทุกที
พุทธศาสนาที่แท้จริงคือการ “ดับเพลิงในใจ” ไม่ใช่การจุดไฟบนแท่นพิธี แต่โลกนี้กลับหมุนไปในทิศทางตรงกันข้าม ความศรัทธากลายเป็นธุรกิจ และธรรมะกลายเป็นสินค้า
ภาพฝันของ “สังคมจริง” ที่อยู่แสนไกล
เราอาจใฝ่ฝันถึงสังคมที่ “จริง”
สังคมที่คนไม่ต้องหลอกกัน ไม่ต้องสร้างภาพ ไม่ต้องตกแต่งเปลือก แต่ความจริงคือสังคมแบบนั้นอาจไม่มีอยู่จริง หรือถ้ามี… มันก็อยู่ห่างไกลเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะเอื้อมถึง
โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่ถูกหล่อหลอมให้ “ไม่อยากรู้ความจริง” เพราะความจริงมันขมเกินไปที่จะกลืน
1
ความป่าเถื่อนในคราบอารยธรรม นี่แหละ
สังคมแห่งการตกแต่งเปลือกนอก
เพื่ออำพรางเนื้อใน
เราอยู่ในโลกที่ทุกคนยอมรับกลิ่นเน่า
และยังช่วยกัน “พรางกลิ่น” ให้มันหอมขึ้นทุกวัน
เพียงเพื่อหลอกตัวเองว่า…
“เราไม่ได้อยู่ในกองขยะ”
อาจจะมีเพียงคนส่วนน้อยที่ “ได้กลิ่นจริง”
และ “กล้ารับความจริง”
แต่คนส่วนน้อยเหล่านี้มักเงียบ และมักถูกมองว่า “ประหลาด” ในสายตาของฝูงชนครับ
2
โฆษณา