26 ส.ค. เวลา 11:00 • สุขภาพ

รู้จัก “แบบประกัน” ก่อนตัดสินใจซื้อ!! จะได้เลือกประกันที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

ปัจจุบันแต่ละบริษัทประกันมีหลายแผนให้เลือกซื้อ บางแผนก็มีความคล้ายกัน แต่บางแผนก็แตกต่างกันเยอะ ซึ่งแต่ละแผนก็มีจุดเด่นและให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน จึงทำให้บางคนเริ่มต้นไม่ถูก ไม่รู้จะเลือกซื้อประกันแผนไหนดี
2
วันนี้เราเลยมาสรุปจุดเด่นของประกันแต่ละแบบ ทั้งประกันชีวิตและประกันสุภาพ เพื่อนๆ จะได้รู้จักและเข้าใจประกันแต่ละแบบ เพื่อเลือกซื้อประกันแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้
ประกันชีวิต แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ
>> ให้ความคุ้มครองชีวิตระยะยาว เช่น ให้ความคุ้มครองจนเราอายุถึง 85ปี หรือ 90ปี หรือ 99ปี (ขึ้นอยู่กับประกันของแต่ละบริษัท)
>> เหมาะกับการวางแผนส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน
2. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา
>> ให้ความคุ้มครองชีวิตระยะสั้น เป็นเบี้ยจ่ายทิ้ง เบี้ยประกันจึงถูกที่สุด
>> เหมาะกับคนที่ต้องการคุ้มครองชีวิตในช่วงเวลาหนึ่งและมีไว้เพื่อบริหารความเสี่ยงในระยะสั้นๆ
3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
>> ให้ความคุ้มครองชีวิตและเน้นการออมเงินเพื่อไว้ใช้ในอนาคต จะได้รับเงินคืนหรือเงินปันผลระหว่างทาง และยังให้ความคุ้มครองชีวิตเหมือนกับแบบประกันอื่นด้วย
>> เหมาะกับคนที่เก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคต หรือมีเป้าหมายและวางแผนการเงิน
4. ประกันชีวิตแบบบำบาญ
>> ให้ความคุ้มครองชีวิตและเน้นออมเงินเพื่อมีเงินใช้ในตอนเกษียณอายุ จะได้รับเงินบำนาญเป็นรายงวดตั้งแต่เราเกษียณอายุ
>> เหมาะกับคนที่อยากมีรายได้ที่แน่นอนในช่วงวัยเกษียณ
5. ประกันชีวิตควบการลงทุน
>> เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิตและนำเงินส่วนที่เหลือจากการหักค่าความคุ้มครองชีวิตและค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปลงทุนในกองทุนรวมตามที่เลือกไว้ เราสามารถกำหนดสัดส่วนความคุ้มครองและจำนวนเงินที่นำไปลงทุนได้
>> เป็นประกันที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าแบบอื่นๆ สามารถออกแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงได้
>> เหมาะกับคนที่อยากนำเงินไปเลือกลงทุนเอง เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่มากขึ้น เข้าใจการลงทุนและสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
ประกันสุขภาพ แบ่งตามคุ้มครองได้เป็น 5 ประเภทหลักๆ ดังนี้
1. ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD)
>> ให้ความคุ้มครองสุขภาพในกรณีที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะความคุ้มครองครอบคลุมในเรื่องของค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าปรึกษาแพทย์ ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่ารถพยาบาล ค่าบริการทั่วไป ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีการรักษาพยาบาลหรือผ่าตัดฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
2. ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD)
>> ให้ความคุ้มครองสุขภาพในกรณีที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลโดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือสามารถกลับบ้านได้เลย ส่วนใหญ่จะมีอาการที่ไม่รุนแรง เช่น เป็นไข้หวัด ปวดหัว
3. ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง (ECIR)
>> ให้ความคุ้มครองสุขภาพในกรณีเข้ารักษาในกลุ่มโรคร้ายแรง ที่ต้องรักษาเฉพาะทาง มีความซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคไตวาย โรคหัวใจ
4. ประกันอุบัติเหตุ (PA)
>> ให้ความคุ้มครองการบาดเจ็บ การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องมาจากอุบัติเหตุ
5. ประกันชดเชยรายได้
>> ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันต้องพักฟื้นระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล และไม่สามารถออกไปทำงานได้ตามปกติ โดยจะจ่ายชดเชยรายได้เป็นรายวันให้
สำหรับมือใหม่ที่ไม่แน่ใจว่าซื้อประกันตัวไหนดี แนะนำให้เขียนความคุ้มครองที่เราต้องการออกมาก่อนแล้วค่อยนำไปเลือกซื้อประกันที่สามารถตอบโจทย์เหล่านั้น
และที่สำคัญ!! ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน อย่าลืมศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขในกรมธรรม์อย่างรอบคอบด้วยนะ
#Cashury #ลงทุน #รู้เท่าธัน #ออมเงิน #วางแผนการเงิน #บริหารเงิน #วางแผนชีวิต #นักวางแผนการเงิน #วางแผนการเงินส่วนบุคคล #CFP #ประกัน #ประกันชีวิต #ประกันสะสมทรัพย์ #ประกันบำนาญ #ประกันยูนิตลิ้ง #UnitLinked #Insurance
สนใจอยากได้คำปรึกษาวางแผนการเงินส่วนบุคคล
Direct message 📩 m.me/Cashury.th
โฆษณา