8 ชั่วโมงที่แล้ว • ความคิดเห็น
1. มีผู้ฟังธรรมท่านหนึ่งเป็นนายแพทย์ ตั้งคำถามตามกระทู้เอากับ "ศจ.พิเศษ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ราชบัณฑิต" ซึ่งเป็นพระภิกษุผู้สมควรได้รับการกราบไหว้จากสาธุชนอย่างยิ่ง เป็นผู้ซึ่งได้รับสมัญญาว่า "พระผู้ทำสงฆ์ให้งาม" และ "ตู้พระไตรปิฎกเคลื่อนที่" และยิ่งประจักษ์ชัดกับการได้รับถวายวุฒิฐานะ จากสถาบันนวนาลันทา ประเทศอินเดีย ให้เป็น "ตรีปิฎกาจารย์" คือ ผู้รู้แตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นรูปที่ 2 ของโลก นับจากพระภิกษุเสวียนจั้ง (พระถังซัมจั๋ง) ประเทศจีน ซึ่งท่านได้เมตตาตอบว่า
เราก็คงต้องลองตายดูก่อน ถึงจะรู้ได้นะ!
....กับอีกคำตอบหนึ่ง ท่านตอบเอาไว้ว่า....
ท่านที่ไม่เชื่อว่าตายแล้วเกิด
ก็ได้แค่เชื่อว่าไม่เกิด แต่ท่านไม่ได้รู้
และเมื่อไม่เชื่อ และก็ไม่ได้รู้ ก็เลยไปทำสิ่งไม่ดี
อย่างนี้ ก็เสร็จแน่!"
2. พระอาจารย์พาสกร ภาวิไล ซึ่งเป็นศิษย์เก่าหัวไบรท์แห่งสาธิตจุฬา จบวิศวะจุฬา และเป็นบุตรชายคนโตของ ศ.ดร.ระวี ภาวิไล นักวิชาการและนักดาราศาสตร์ชื่อดัง ที่ในสมัยวัยเด็ก ศ.ดร.ระวีฯ พาไปสนทนาธรรมกับท่านพุทธทาสเป็นประจำ รวมทั้งได้อาศัยวิ่งเล่นอยู่ที่วัดพระอาจารย์พยอม ที่ในช่วงท้ายก่อนเสียชีวิตภายใต้ผ้าเหลือง ได้หันเข้าทางธรรมเต็มสูบ บวชเป็นพระภิกษุ ในวัย 35 ปี เคยให้สัมภาษณ์ในรายการทีวี ที่ตรงกับกระทู้คำถาม ซึ่งท่านได้ตอบ ด้วยวิธีตั้งคำถามย้อนกลับว่า
คุณเคยนอนหลับแล้วฝันไหม?
ถ้าอย่างนั้น คุณโยมจะรู้ได้อย่างไร
ว่าตายไปแล้วจะไม่ฝัน?
3. ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ศิษเย์เก่าเตรียมอุดมฯ และจุฬา ผอ.มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ได้สนใจร่ำเรียนศึกษาพระอภิธรรม จนได้รับการยอมรับถึงความแตกฉานในพระธรรมวินัย และพระไตรปิฎกคนหนึ่งของไทย ได้รับเชิญให้ไปบรรยาย ทั้งในมหาวิทยาลัยสงฆ์ของไทยและต่างประเทศ (เป็นอาจารย์ของพระภิกษุ หลายต่อหลายรุ่นที่เรียนต่ออุดมศึกษา ด้านพระพุทธศาสนา) ท่านได้ให้คำตอบเรื่อง วิญญาณเอาไว้ว่า
วิญญาณ คือการรับรู้ในรูปแบบต่างๆ
แต่ไม่ใช่สิ่งที่ล่องลอยได้ ตามความเข้าใจคนทั่วไป
คำว่ารูปขันธ์ คือร่างกายที่มองเห็นได้ มีอยู่จริง
ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
เป็นองค์ประกอบของ "ชีวิต"
ที่ต้องทำงานร่วมกันและแยกจากกันไม่ได้
ทั้งหมด คือตัวอย่างคำตอบจากผู้ทรงศีลและทรงสติปัญญา ตามข้อ 1-3 ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้รับการยอมรับว่า "มีสติปัญญาเป็นเลิศ และแตกฉาน" อาจบอกให้พวกเราตระหนักเพียงว่า
การหมั่นฝึกจิต เพื่อการละคลายจากการยึดข้อง
การหมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว
คือหนทางแห่งการยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
โฆษณา