28 ส.ค. เวลา 10:28 • กีฬา

ภารกิจพิชิตใจเด็ก!! เปิดเหตุผลเจ้าหนูริโอทิ้งถ้ำสิงห์ ซบอกหงส์แดง

หลังสิ้นเสียงนกหวีดจากไซมอน ฮูเปอร์ มันเหมือนเป็นเสียงที่เคาะระฆังบอกว่าพรีเมียร์ลีกได้มีการเปิดตัวนักเตะดาวรุ่งคนใหม่ของลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเจ้าหนู "ริโอ เอ็นกูโมฮา" ดาวรุ่งวัยเพียง 16 ย่าง 17 ปีที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซัพยิงประตูชัยให้กับลิเวอร์พูลบุกไปเอาชนะนิวคาสเซิลแบบสุดมันส์ 2-3 นั่นทำให้ผู้คนหันมาสนใจเจ้าหนูริโอกันมากขึ้น ยิ่งกว่าในช่วงพรีซีซันเสียอีก และถ้าใครติดตามตลาดซื้อขายนักเตะก็จะรู้ว่าเจ้าหนูริโอคือผลผลิตจากค็อบแฮม อะคาเดมีของเชลซีที่ลิเวอร์พูลไปฉกตัวมา
และในบทความนี้ก็จะพาไปดูเหตุผลว่าทำไมน้องริโอถึงเลือกที่จะอำลาเชลซีและลิเวอร์พูลโน้มน้าวใจเจ้าหนูคนนี้ยังไงให้เลือกพวกเขา เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยครับ
ริโอ เอ็นกูโมฮาลงเล่นในสมัยเป็นเยาวชนของเชลซี
ต้องเท้ากลับไปว่าริโอ เอ็นกูโมฮานั้นย้ายเข้าสู่ศูนย์ค็อบแฮมของเชลซีตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่กับอะคาเดมีของลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องฮือฮากันพอสมควร เพราะว่าริโอถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามที่สุดเม็ดนึงของค็อบแฮม และการที่เชลซีเสียริโอไปก็เหมือนเป็นการที่เสียเพชรที่ดีที่สุดเม็ดนึงของสโมสรไป
โดยทาง The Athletic ก็ได้อกมาเปิดเผยเหตุผลในการย้ายออกจากค็อบแฮมของริโอ เอ็นกูโมฮาก็คือการเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเชลซีของกลุ่มนักธุรกิจชาวอเมริกันที่นำโดยท็อดด์ โบห์ลี แต่ทำไมนี่คือเหตุผลน่ะหรอ ? The Athletic อธิบายไว้ดังนี้
นับตั้งแต่ที่กลุ่มทุนของท็อดด์ โบห์ลีเข้ามาเทคโอเวอร์เชลซีต่อจากโรมัน อับราโมวิช พวกเขาก็ใช้จ่ายเงินในการซื้อตัวนักเตะเป็นจำนวนมาก แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็ได้เงินจากขายนักเตะที่ขึ้นมาจากอะคาเดมีได้มากเช่นกันซึ่งก็เพื่อเป็นการรักษาสมดุลทางการบัญชี แถมก็มีนักเตะดาวรุ่งหลายคนได้แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่เหมือนกัน เช่น อัลฟี กิลคริสต์และจอร์ช อาเชียมปงที่ได้เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2023/2024 ซึ่งเชลซีก็พยายามที่จะต่อสัญญาเพื่อรักษาเขาไว้กับทีมต่อไป
แต่นั่นมันก็ไม่ได้เพียงพอให้ริโอ เอ็นกูโมฮาเชื่อว่าเขาจะสามารถก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ได้ด้วยแนวทางการบริหารทีมของท็อดด์ โบห์ลี ที่มีความแตกต่างกับทางลิเวอร์พูลอย่างสิ้นเชิง
แล้วลิเวอร์พูลโน้มน้าวเจ้าหนูริโอได้อย่างไร ?
ริโอ เอ็นกูโมฮาชูเสื้อเปิดตัวกับลิเวอร์พูล
ความจริงแล้วก่อนที่ริโอจะย้ายเข้าสู่ค็อบแฮม เขาเคยได้ไปทดสอบฝีเท้ากับทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี, ลิเวอร์พูลและเชลซี ซึ่งสุดท้ายเขาก็เลือกเชลซี ซึ่งก็นั่นเท่ากับว่าเขาอยู่ในเรดาห์ของทีมระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกมาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งมีข่าวว่าเขาจะย้ายออกจากเชลซี พวกเขาก็ยิ่งหูผึ่งขึ้นมาอีกครั้ง
รวมไปถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ในมิถุนายน 2024 ริโอก็ได้ไปเยือนมาแล้ว พร้อมกับได้มีการพูดคุยและรับรู้ถึงแผนงานต่าง ๆ สำหรับตัวเขาเองด้วยแล้ว แต่ลิเวอร์พูลนั้นก็ยังคงเป็นตัวเต็งในการคว้าตัวเขามาอยู่เสมอ และแมนยูก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน พวกเขา (แมนยู) จึงพยายามผลักดันดีลของเจ้าหนูริโอแบบสุด ๆ
ริโอ เอ็นกูโมฮาชูเสื้อเปิดตัวกับลิเวอร์พูล
และเมื่อลิเวอร์พูลอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้ความได้เปรียบนั้นหลุดมือไป พวกเขาทั้งยื่นข้อเสนอและโชว์แผนงานในการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ให้กับริโอได้เห็นแบบชัดเจน และยังใช้เกมนัดชิงคาราบาว 2024 ที่พวกเขาพบกับเชลซี เป็นตัวอย่างของการเชื่อใจในนักเตะดาวรุ่งให้กับริโอได้เห็น ซึ่งในเกมนัดชิงนี้เป็นเกมที่เยอร์เกน คล็อปป์ อดีตตำนานผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูลตัดสินใจส่งนักเตะดาวรุ่งหลายคนได้ลงสนามในเกมที่มีความหมายและความกดดันมากมายขนาดนี้
โดยในเกมนั้นมีนักเตะดาวรุ่งที่คล็อปป์ตัดสินใจส่งลงสนามหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคอเนอร์ แบรดลีย์, จาเรลล์ ควอนซาห์, บ็อบบี คลาร์ก, เจมส์ แมคคอนเนลล์ และเจย์เดน แดนน์ส ซึ่งนักเตะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาจากทีมอะคาเดมีของสโมสรทั้งสิ้น
และนั่นก็คือไม้เด็ดของลิเวอร์พูลในการโน้มน้าวใจให้ริโอ เอ็นกูโมฮาเลือกพวกเขาเป็นสถานีในการพัฒนาฝีเท้าต่อจากค็อบแฮมของเชลซี
ซึ่งถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะได้ตัวเอ็นกูโมฮามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเรื่องราวของดีลจะจบสิ้นสุดตามไปด้วย เพราะเชลซีค่อนข้างโมโหและโกรธลิเวอร์พูลเช่นกันที่มาฉกดาวรุ่งอนาคตไกลของพวกเขาไป ซึ่งถึงขั้นเชลซีสั่งห้ามสั่งแบนแมวมองของลิเวอร์พูลเข้าสนามของพวกเขาเลย
รวมไปถึงเชลซีได้มีการฟ้องร้องลิเวอร์พูลด้วยเช่นกัน เพราะว่าถึงแม้ลิเวอร์พูลจะได้ตัวริโอมาแบบไม่มีค่าตัวใด ๆ เนื่องจากตัวนักเตะหมดสัญญากับทางเชลซีแล้ว แต่เชลซีก็มองว่าพวกเขาควรได้ค่าชดเชยเช่นกันจากการปลุกปั้นตัวนักเตะมา
ซึ่งถ้าหากลิเวอร์พูลต้องจ่ายค่าชดเชยจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะลิเวอร์พูลก็เคยต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับฟูแลมเมื่อครั้งที่ดึงตัวฮาร์วีย์ เอลเลียตต์มาแล้วเมื่อปี 2019
โฆษณา