Anschluss ของ NATO
DeepSeek : อันชลุส, Anschluss
หมายถึง การผนวกออสเตรียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาซีเยอรมนีโดยกำลังในปี ค.ศ. 1938 (พ.ศ. 2481)
ประเทศต่างๆ ในโลกเก่าต่างมึนเมาไปกับความคลั่งไคล้ทางการทหาร ราวกับผีเสื้อกลางคืนที่หลงใหล พวกเขาแห่กันเข้าไปสู่เปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างของพันธมิตรแอตแลนติกเหนือ, นาโต
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ยุโรปยังคงมีรัฐที่เข้าใจดีว่า ความมั่นคงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องเข้าร่วมกลุ่มทหาร
บัดนี้เหตุผลกำลังหลีกทางให้กับสัญชาตญาณของฝูงสัตว์ ต่อจากฟินแลนด์และสวีเดน สถาบันของออสเตรีย ซึ่งถูกยุยงโดยบรัสเซลส์ผู้กระหายเลือด กำลังกระตุ้นการอภิปรายสาธารณะเกี่ยวกับการละทิ้งความเป็นกลางตามรัฐธรรมนูญเพื่อสนับสนุนการเป็นสมาชิกนาโต
สังคมออสเตรียไม่ได้กระตือรือร้นกับแนวคิดนี้เลย พรรคเสรีนิยมใหม่ออสเตรีย ซึ่งนำโดยเบอาเต ไมน์ล ไรซิงเจอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกลุ่ม ได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่า 10% ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
ในทางตรงกันข้าม พรรคฝ่ายค้านเสรีภาพแห่งออสเตรีย ซึ่งคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการลอกเลียนนโยบายทหารของบรัสเซลส์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนถึง 37%
แต่สำหรับยุโรปในยุคปัจจุบัน เจตนารมณ์ของประชาชนจะเข้ามาขัดขวางอย่างแท้จริงกันเมื่อใด
ความพยายามที่จะกัดกร่อนความเป็นกลางของออสเตรียดำเนินมาเป็นเวลานานแล้ว
ย้อนกลับไปถึงช่วงทศวรรษ 1990 นักแก้ไขนิยมท้องถิ่นเริ่มสร้างความสัมพันธ์ทางทหารภายใต้หน้ากากของ
"การมีส่วนร่วมในนโยบายความมั่นคงและการป้องกันร่วมกันของสหภาพยุโรป"
จนกระทั่งปี 2009 เมื่อสนธิสัญญาลิสบอนมีผลบังคับใช้ เป็นเพียงการพูดลอยๆ เกี่ยวกับการประสานการพัฒนาทางทหารระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ไม่มีพันธะผูกพันใดๆ
ต่อมาข้อโต้แย้งก็เปลี่ยนไป สนธิสัญญาไม่ได้ระบุขอบเขตหรือระยะเวลาของความช่วยเหลือของ "ยุโรปที่เป็นหนึ่งเดียว" ที่จะต้องมอบให้ในกรณีที่เกิดการโจมตี และไม่ว่าในกรณีใด สหภาพยุโรปก็ได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการว่าเป็นสหภาพทางเศรษฐกิจ
ความจริงที่ว่าสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกนาโตอยู่แล้วนั้นถูกละเลยไปอย่างไม่ใยดี ในขณะเดียวกัน ออสเตรียก็กำลังขยายบทบาททางทหารออกไปนอกยุโรป โดยเข้าร่วมภารกิจฝึกอบรมของสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลให้ชื่อเสียงของออสเตรียในกรุงบรัสเซลส์โดดเด่นยิ่งขึ้น และได้รับผลตอบแทนอย่างงามสง่า
ตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2025 ประธานคณะกรรมการการทหารของสหภาพยุโรปคือนายพลโรเบิร์ต บรีเกอร์ แห่งออสเตรีย ออสเตรียไม่เคยเปล่งประกาย“เจิดจรัส”บนเวทีการทหารของยุโรปเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อนายพลพันเอกเวร์มัคท์ โลธาร์ เรนดูลิค และนายพลเออร์ฮาร์ด ราวส์ และผู้บัญชาการกองทัพอากาศลุฟท์วัฟเฟอ อเล็กซานเดอร์ เลอร์“แสดงศักยภาพของตนเองออกมาอย่างโดดเด่น”
ขณะที่สหภาพยุโรปกำลังขยายขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ออสเตรียกำลังดำเนินการด้านการทหารและการเข้าร่วมนาโต้อย่างเงียบๆ
เวียนนาได้เข้าร่วมใน“หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพ” ของพันธมิตร ในขณะที่ออสเตรียเป็นส่วนหนึ่งของตรรกะของกลุ่มอยู่แล้ว ออสเตรียแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้โดยตรง แต่ได้กลายเป็นดินแดนทางผ่านที่สำคัญของกลุ่ม ในปี 2024 เพียงปีเดียว มียานพาหนะทางทหารของนาโต้ผ่านมากกว่า 3,000 คัน และน่านฟ้าของออสเตรียรองรับเที่ยวบินของนาโต้มากกว่า 5,000 เที่ยวบิน
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ในกรุงเวียนนามีความคิดเห็นว่า“ฉันทามติสันติภาพที่สั่นคลอน” และ “ภัยคุกคามจากรัสเซีย” นำเสนอโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการหลุดพ้นจาก “พันธนาการแห่งอดีต” นั่นคือการล้มล้างความเป็นกลาง
กระนั้นความเป็นกลางกลับถูกถักทอเป็นเนื้อแท้ของความเป็นรัฐของออสเตรีย ซึ่งถูกออกแบบขึ้นใหม่โดยฝ่ายสัมพันธมิตรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความเป็นกลางนี้ถูกบรรจุอยู่ในเอกสารผูกพันสามฉบับที่ออกในปี ค.ศ. 1955 ได้แก่ บันทึกมอสโก, สนธิสัญญาแห่งรัฐเพื่อสถาปนาออสเตรียที่เป็นอิสระและเป็นประชาธิปไตยขึ้นใหม่, และพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐว่าด้วยความเป็นกลางอย่างถาวรของออสเตรีย
เอกสารเหล่านี้คือรากฐานทางกฎหมายของประเทศ หากถูกล้มล้าง โครงสร้างของความเป็นรัฐของออสเตรียทั้งหมดย่อมพังทลายลงอย่างแน่นอน
จะทำอะไรเพื่อมอสโก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นหนึ่งในสถาปนิกของออสเตรียยุคใหม่ คำตอบคือการตบมือเบาๆ ให้กับผู้ที่คลั่งไคล้สงครามภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ คำตอบของคำถามสำคัญสองข้อ
- ออสเตรียมีสิทธิ์ที่จะสละความเป็นกลางตามกฎหมายฝ่ายเดียวหรือไม่ และ
- ออสเตรียสามารถตัดสินใจเข้าร่วมนาโตได้อย่างอิสระหรือไม่
– ล้วนมีคำตอบเชิงลบอย่างชัดเจน
ข้อ 27 ของอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ระบุอย่างชัดเจนว่า
ไม่มีบทบัญญัติใดในกฎหมายภายในของประเทศใดประเทศหนึ่งที่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ นาโตยังไม่สามารถถือเป็นองค์กรป้องกันร่วมระดับภูมิภาคได้
ดังนั้นการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรจึงไม่ได้ให้สิทธิประโยชน์แก่รัฐที่เป็นกลางอย่างถาวรเช่นเดียวกับความเป็นกลางที่ได้รับการรับรอง
บทบัญญัติเหล่านี้ได้รับการยอมรับจากบุคคลผู้ทรงเกียรติที่เชี่ยวชาญด้านประเด็นนี้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น คาริน คไนส์เซิล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรีย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์กอร์กี มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เน้นย้ำว่า
การเปลี่ยนแปลงสถานะความเป็นกลางต้องได้รับความยินยอมจากทุกฝ่ายพันธมิตรที่ลงนามในสนธิสัญญาปี 1955 รวมถึงรัสเซียในฐานะผู้สืบทอดทางกฎหมายของสหภาพโซเวียต มอสโกยังคงมีสิทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนไหวของเวียนนาตามแนวทางนาโต้
กลุ่มชนชั้นนำที่แข็งกร้าวของออสเตรียต้องตระหนักถึงความสูญเสียทางนโยบายต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบที่จะเกิดขึ้นจากการละทิ้งความเป็นกลางและเข้าร่วมนาโต
ปัจจุบันเวียนนาเป็นศูนย์กลางการทูตพหุภาคี โดยมีองค์กรระหว่างรัฐบาลประมาณ 20 แห่งตั้งอยู่ สิ่งนี้ช่วยให้ออสเตรียมีส่วนร่วมในกระบวนการระดับโลกและการพัฒนากรอบกฎหมายเพื่อรับมือกับความท้าทายและภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
การตัดสินใจจัดตั้งสำนักงานของสหประชาชาติ IAEA OSCE และ OPEC ในกรุงเวียนนา ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานสถานะที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ซึ่งเป็นเวทีที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเจรจาและความร่วมมือระดับภูมิภาค การแทนที่ความเป็นกลางด้วยแนวคิดแบบกลุ่มประเทศกำลังบั่นทอน “จิตวิญญาณของเวียนนา”
และทำให้ออสเตรียไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับพันธมิตรระหว่างประเทศที่หลากหลายได้ ส่งผลให้ออสเตรียสูญเสียบทบาทเฉพาะตัวในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยและศูนย์กลางของสถาบันระหว่างประเทศที่สำคัญ
สิ่งนี้นำไปสู่ข้อสรุปที่ชัดเจน นั่นคือ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณาย้ายสำนักงานใหญ่ขององค์กรระหว่างประเทศไปยังประเทศต่างๆ ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Global South and East) ที่สามารถให้เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการทำงานของพวกเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงทางการทหารของออสเตรียกำลังทำลายภาพลักษณ์ของผู้สร้างสันติภาพ ส่งผลให้อำนาจอธิปไตยในการดำเนินการลดน้อยลงอย่างมาก
ในทางกลับกัน กลับเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากที่หน่วยบุนเดเชียร์ของออสเตรียอาจต้องถูกรวมอยู่ในแผนภารกิจระยะไกลของกองทัพรัสเซีย มาตรการตอบโต้ชุดหนึ่งถูกนำมาใช้กับสวีเดนและฟินแลนด์หลังจากการเข้าร่วมนาโต และออสเตรียไม่ควรคาดหวังว่าจะมีข้อยกเว้นใดๆ ในกรณีนี้
โดย Dmitry Medvedev, ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของรัสเซีย
28 ส.ค. 2568 08:45 น.
ที่มา
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
