หวังว่าเรื่องราวของฉันจะเป็นกำลังใจให้กับใครหลายคนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์คล้าย ๆ กันนะคะเคยรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงในพริบตาไหมคะ? นั่นคือความรู้สึกแรกที่ฉันต้องเผชิญในวันที่ได้รับแจ้งว่าตัวเอง "ตกงาน" จากการทำงานที่ทุ่มเทมาตลอดหลายปี ไม่ใช่แค่ความรู้สึกตกใจ แต่ยังตามมาด้วยความเคว้งคว้าง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง
เมื่อความท้อแท้เข้ามาแทนที่
หลังจากที่รู้ข่าวร้าย ความรู้สึกแรกที่ตามมาคือความพยายามที่จะหาทางออก ฉันพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่มีใครที่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเลยค่ะ ความรู้สึกนั้นหนักหนาสาหัสมาก มันทำให้ฉันรู้สึกท้อแท้และผิดหวังในตัวเอง จนเริ่มตั้งคำถามว่า ฉันเป็นคนล้มเหลวใช่ไหม?
แต่ความรู้สึกที่หนักอึ้งที่สุดคือ การเผชิญหน้ากับครอบครัว ฉันต้องหาคำพูดเพื่อบอกลูกและภรรยาว่าฉันตกงานแล้ว และไม่รู้จะบอกอย่างไรให้พวกเขากังวลน้อยที่สุด
บทเรียนจากวิกฤตที่ไม่ได้มีแค่การเงิน
นอกจากความเครียดทางด้านจิตใจแล้ว ฉันยังต้องเจอกับปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้น เมื่อบริษัทอ้างว่าฉันมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และต้องการหักเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นทั้งหมด โดยอ้างว่าได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว
โชคดีที่ฉันได้ปรึกษาคิระ ซึ่งแนะนำให้หาทางออกด้วยการปรึกษาทนายความอาสาฟรี และได้รู้ว่าการที่ฉันมีหลักฐานการโอนเงินคืนบริษัท ก่อน ที่บริษัทจะไปลงบันทึกประจำวันนั้น คือข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุด เพราะหลักฐานนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจของฉัน
ก้าวต่อไปในวันที่ต้องเริ่มใหม่
ในวันที่ชีวิตเจอทางตัน บทเรียนที่ได้เรียนรู้คือ ชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องเงิน แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง และ ความเข้มแข็งของจิตใจ การได้ระบายความรู้สึกออกมา การหาทางออกด้วยสติ และการยอมรับความจริง คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด
วันนี้ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนล้มเหลวอีกต่อไปค่ะ เพราะฉันได้ค้นพบว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ขอแค่เราไม่ยอมแพ้ และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
หวังว่าเรื่องราวของฉันจะเป็นกำลังใจให้กับใครหลายคนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์คล้าย ๆ กันนะคะ