31 ส.ค. เวลา 04:46 • ปรัชญา

ท่านฟู่ต้าซื่อ (傅大士, ค.ศ. 497~569)

มีชื่อเดิมว่าฟู่ซี (傅翕) ฉายา ซ่านฮุ่ย (善慧) อีกทั้งท่านยังได้รับการเรียกขานในชื่อฟู่หง (傅弘) ซ่านฮุ่ยต้าซื่อ (善慧大士) อวี๋สิงต้าซื่อ (鱼行大士) ซวงหลินต้าซื่อ (双林大士) ตงหยางต้าซื่อ (东阳大士) อูซางจวี้ซื่อ (乌伤居士) ท่านเป็นชาวตงหยาง อำเภออูซาง (ปัจจุบันคือเมืองอี้อูในมณฑลเจ๋อเจียง)
.
แม้ว่าตลอดชีวิตของท่านไม่ได้บรรพชาอุปสมบท แต่ท่านก็บำเพ็ญปฏิบัติธรรมทั้งฝ่ายพุทธศาสนาและศาสนาเต๋าควบคู่กันในสถานะอุบาสก กระทั่งรัชศกเทียนเจียนที่ 11 สมัยราชวงศ์เหลียง ท่านฟู่ต้าซื่ออายุได้ 16 ปี จึงได้แต่งงานกับนางหลิวเมี่ยวกวง (留妙光) และให้กำเนิดบุตรชาย 2 คน ต่อมาเมื่อท่านฟู่ต้าซื่ออายุได้ 24 ปี ก็ได้พบกับพระโพธิธรรมตั๊กม๊อซึ่งเดินทางมาจากอินเดียและได้รับโอวาทคำชี้แนะ ภายหลังจึงเกิดความตั้งใจในการปฏิบัติธรรม ตลอดชีวิตของท่านสิริอายุรวมได้ 73 ปี
อนึ่งท่านถือเป็นบุคคลในช่วงสมัยราชวงศ์เหลียงใต้ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในนิกายธยาน (เซน) อีกทั้งเป็นผู้ก่อตั้งอารามอี้อูซวงหลินซื่อ (义乌双林寺始祖) และได้รับการขนานนามว่า "พระฌานาจารย์วิมลเกียรติแห่งจีนประเทศ" เนื่องจากผู้คนพบเห็นท่านรู้สึกเหมือนได้พบท่านวิมลเกียรติ ทั้งยังเป็นหนึ่งใน 3 มหาบุรุษแห่งวสมัยราชวงศ์เหลียง ซึ่งประกอบไปด้วย พระโพธิธรรม (ตั้กม้อ), พระฌานาจารย์เป่าจื้อ และท่านฟู่ต้าซื่อ
.
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อต่อท่านว่า ท่านอาจเป็นพระศรีอาริยเมตไตรยนิรมาณกายลงมาโปรดสัตว์ เรื่องราวนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือฟู่ต้าซื่อสดุดีวัชรสูตรในสมัยราชวงศ์เหลียง (梁朝傅大士頌金剛經) ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของพระจักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ แต่บางกระแสว่าอาจแต่งจขึ้นภายหลัง เนื้องหาในบทนำเป็นเรื่องราวการพบกันระหว่างพระจักพรรดิเหลียงอู่ตี้และท่านท่านฟู่ต้าซื่อ ความว่า
ในสมัยราชวงศ์เหลียง เมื่อจักรพรรดิอู่ แห่งราชวงศ์เหลียง ทรงอาราธนาท่านพระอาจารย์จื้อกงให้มาแสดงพระธรรม ท่านจื้อกงทูลตอบว่า "มีท่านฟู่ต้าซื่อ เป็นผู้เข้าใจในพระธรรมอย่างลึกซึ้ง สามารถแสดงธรรมได้ดีกว่า"
พระจักรพรรดิทรงถามว่า "บุคคลผู้นี้บัดนี้อยู่ที่ใด?"
ท่านจื้อกงทูลตอบว่า "ขณะนี้อยู่ในตลาดขายปลา"
ทันใดนั้น จักรพรรดิจึงมีราชโองการให้เชิญท่านต้าซือเข้าวัง จักรพรรดิทรงถามท่านต้าซือว่า "หากจะขออาราธนาท่านแสดงพระสูตรวัชรปรัชญาปารมิตา จะต้องจัดอาสนะสูงเพียงใด?"
ท่านต้าซือทูลตอบว่า "ไม่ต้องมีอาสนะสูง เพียงแค่มีแผ่นไม้กระดานแผ่นเดียวก็พอ"
เมื่อท่านต้าซือได้รับแผ่นไม้กระดานแล้ว ก็เริ่มแสดงธรรมแห่งพระสูตรเป็นจำนวน 49 บท แล้วก็ทูลลาไป
ท่านจื้อกงทูลถามจักรพรรดิอู่ว่า "ทรงรู้จักบุคคลผู้นี้หรือไม่?"
จักรพรรดิทรงตรัสว่า "ไม่รู้จัก"
ท่านจื้อกงจึงทูลจักรพรรดิว่า "บุคคลผู้นี้คือพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ที่แบ่งภาคลงมา เพื่อช่วยพระองค์เผยแผ่พระธรรม"
เมื่อจักรพรรดิทรงได้ยินดังนั้น ก็ทรงตกพระทัยและปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงพระราชนิพนธ์บทกวีนี้
武帝初請志公講經。志公對曰。自有傅大士善解講之。帝問。此人今在何處。志公對曰。見在魚行。于時即照大士入內。帝問。大士欲請大士講金剛經。要何高坐。大士對曰。不用高坐。只須一具柏板。大士得板。即唱經歌四十九頌終而便去。志公問武帝曰。識此人不。帝言不識。志公告帝曰。此是彌勒菩薩分身。下來助帝楊化。武帝忽聞情大驚訝。深加珍仰因題此頌。(CBETA 2024.R3, T85, no. 2732, p. 1a5-14)
.
นอกจากนี้ ท่านยังได้ประพันธ์บทกวีนิพนธ์มากกว่า 300 ชิ้นซึ่งบรรยายถึงความหมายอันลึกซึ้งของหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อตักเตือนผู้คนให้หันมาขบคิดพิจารณาถึงแก่นสารสารัตถะของลาภยศชื่อเสียง จนกระทั่งเกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติตามพุทธธรรมและได้ประจักษ์ในมรรคผล โดยตัวอย่างผลงานของท่านคือ จารึกจิตราช (心王銘 ), หนังสือคำบันทึกสี่ผูก (语录》四卷) ก็คือ หนังสือรวบรวมคำบันทึกของฟู่ต้าซื่อ (傅大士集) หรือ หนังสือรวบรวมคำบันทึกของซั่นฮุ่ยต้าซื่อ (傅大士集) และกวีนิพนธ์หวนคืนสู่ต้นธาร (還源詩) เป็นต้น
โฆษณา