30 ส.ค. เวลา 15:12 • ปรัชญา
คุณจะรู้ว่าประชาธิปไตยนั้นสำคัญแค่ไหน ก็ในวันที่ประเทศต้องเผชิญหน้ากับสงครามทางความคิด ลองมองไปยังกัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกครอบงำโดยอำนาจรัฐมาตลอดหลายทศวรรษ ประชาชนเติบโตมาในสภาพที่ไร้เสรีภาพทางความคิด ถูกควบคุมด้วยการศึกษาและสื่อที่ตีกรอบจนแคบ การวิพากษ์หรือสงสัยในสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้เชื่อ
ผลลัพธ์ก็คือเมื่อเกิดความขัดแย้งกับไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขตแดนหรือประเด็นทางประวัติศาสตร์ เรากลับเห็นคนจำนวนมากถูกปลุกปั่นให้เกลียดชังโดยไม่รู้ตัว เหตุผลและตรรกะถูกบิดจนผิดเพี้ยน บางครั้งถึงขั้นน่าตลกขบขัน จนถูกล้อเลียนบน TikTok และ Facebook แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังคิดผิด หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยมีโอกาสตั้งคำถามกับสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้เชื่อ
และถ้าจะมองให้ลึกลงไปในชีวิตของผู้คนในสังคมแบบนั้น คุณจะเห็นบาดแผลที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า ลองดูกรณีของนักข่าวกัมพูชาที่กล้าเปิดโปงความจริง ถูกบีบให้ออกจากสำนักข่าวของตัวเอง ถูกปิดปากจนไม่มีที่ยืนในบ้านเกิดของตัวเอง
หรือเน็ตไอดอลและคนดังที่เพียงแค่ตั้งคำถามถึงตัวเลขการเสียชีวิตของทหาร แต่กลับถูกจับขังคุก ถูกคุมขังและทำร้ายในที่ลับ เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่าหรือข่าวลือ แต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาคนทั้งโลก เป็นสังคมที่คนธรรมดาไม่อาจพูดแม้กระทั่งความจริงของชีวิตตัวเองได้โดยไม่เสี่ยงกับอิสรภาพหรือชีวิต
นี่แหละคือภาพสะท้อนของประเทศที่ไม่มีประชาธิปไตย เมื่อเสรีภาพในการตั้งคำถามถูกพรากไป เสียงของประชาชนก็ถูกปิดตาย และประเทศก็กลายเป็นสมบัติของคนไม่กี่คนที่ครองอำนาจ ประชาชนที่เหลือก็ถูกทำให้เชื่อง สังคมก็เดินวนอยู่ในกับดักเดิมๆ ที่ไม่มีทางพัฒนาได้จริง
ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ได้มีค่าแค่ในวันเลือกตั้ง ไม่ได้มีค่าแค่ในแง่ที่เรามีสิทธิ์ลงคะแนนให้คนที่เราชอบ แต่มันมีค่ามากกว่านั้น ประชาธิปไตยคือระบบที่ทำให้เราสามารถตั้งคำถามกับอำนาจ ตรวจสอบผู้ปกครอง และถกเถียงกันอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าคำพูดของเราจะถูกตีความเป็นภัยต่อรัฐ มันคือระบบที่ยอมรับว่า “เสียงของเรา” มีค่าเท่าๆกัน และการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องแลกด้วยเลือดหรือชีวิตของประชาชน
หลายคนบอกว่าประชาธิปไตยเป็นเพียงเปลือกนอก เป็นแค่พิธีกรรม แต่ลองถามตัวเองดูว่า คุณอยากอยู่ในสังคมที่เสียงของคุณไม่มีค่าเลยหรือไม่ คุณอยากอยู่ในประเทศที่ความผิดพลาดของผู้มีอำนาจ ที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง ไม่มีใครกล้าตรวจสอบ และไม่มีวันถูกแก้ไขหรือเปล่า
ประเทศที่เติบโตเร็วภายใต้ระบอบอำนาจนิยมอย่างจีนก็ยังต้องแลกด้วยชีวิตของประชาชนหลายสิบล้านในยุคเหมาเจ๋อตุง กว่าที่จะได้เห็นความสำเร็จแบบวันนี้ และถึงแม้จีนจะเติบโต แต่ประชาชนของเขาก็ยังไม่มีเสรีภาพเต็มที่ ยังไม่สามารถพูดในสิ่งที่อยากพูด และยังไม่สามารถโต้แย้งสิ่งที่รัฐกำหนด
ตรงกันข้าม ประชาธิปไตยอาจจะช้า อาจจะวุ่นวาย และอาจจะเต็มไปด้วยข้อโต้เถียงที่ดูไม่จบสิ้น แต่ความวุ่นวายนั้นคือราคาที่ถูกจ่ายเพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่เท่าๆกันในการกำหนดอนาคตของประเทศ มันคือความปลอดภัยที่คุณไม่ต้องกลัวว่าคำพูดของคุณจะทำให้คุณหายไปในคืนหนึ่ง มันคือสิทธิที่จะตรวจสอบผู้ปกครองและโค่นเขาลงจากตำแหน่งโดยไม่ต้องนองเลือด และมันคือสิ่งที่ทำให้สังคมเติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
ถ้าวันหนึ่งคุณรู้สึกว่าประชาธิปไตยไม่มีค่า ลองมองไปยังกัมพูชา มองไปยังประเทศที่เสียงของประชาชนไม่เคยมีความหมาย แล้วคุณจะรู้ว่า ต่อให้ระบบประชาธิปไตยมีข้อบกพร่องมากแค่ไหน มันก็ยังเป็นระบบเดียวที่ยอมรับว่าคุณมีสิทธิ์เป็นเจ้าของอนาคตของตัวเอง
โฆษณา