Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 00:00 • ปรัชญา
เกร็ดประวัติครูบาเจ้าเกษม เขมโก
สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง
โดย อ.เล็ก พลูโต
คัดลอกจาก
www.sereechai.com
๒๑
เหรียญสิริมงคล รูประฆัง ในขณะที่กำลังดำเนินการสร้างเหรียญสิริมงคล รูประฆัง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ มีศิษย์ซึ่งเป็นคณะกรรมการจัดสร้างท่านหนึ่ง เรียนถามหลวงพ่อเกษม เขมโก ว่าจะสร้างเหรียญเป็นรูปอะไรดี หลวงพ่อตอบว่า "สร้างเป็นรูประฆังสิ ดังดี" คณะกรรมการจึงได้จัดสร้างด้วยเนื้อทองแดงบริสุทธิ์ จำนวนทั้งสิ้น ๕๐,๐๐๐ เหรียญ แม้เหรียญจะมีขนาดใหญ่กว่าเหรียญรูปไข่ หรือ รูปทรงกลม แต่ก็มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ไม่เทอะทะจนเกินไป
ตอนเกิดจลาจลถึงขั้นนองเลือดในวันมหาวิปโยค ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นที่ทราบกันดีว่า นักเรียนอาชีวะในสายช่างกล ช่างไม้ ได้ไปนมัสการหลวงพ่อเกษม เพื่อขอพระและเหรียญติดตัวไว้เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยบุตรหลานชาวลำปางที่เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็ทราบกันดีแล้วว่า นักเรียนอาชีวะมักจะมี
กิจกรรมนอกหลักสูตร ชอบยกพวกเข้าประลองกำลังกันบ่อย ๆ ฉะนั้น การมีพระ หรือของขลังต่าง ๆ ไว้เป็นกำลังใจ จัดว่าเป็นของจำเป็นที่สุด โดยเฉพาะในฐานะของนักเรียน ย่อมไม่สามารถเช่าบูชาพระเครื่องรางของขลัง ที่มีราคาสูงได้ แต่เมื่อได้รับการชักชวนจากเด็ก ๆ ชาวลำปางให้หาของดีราคาถูกไว้ใช้ ก็เป็นที่สนใจของนักเรียน พระและเหรียญสร้างครั้งใด ก็เป็นที่สนใจของนักเรียนทุกครั้ง
ดังนั้น การจลาจลรุนแรงครั้งนี้ ผู้ที่มีเหรียญของหลวงพ่อเกษม จึงได้รับประสบการณ์อันน่าพิศวงหลายแห่ง หลายวาระด้วยกัน
ตัวแทนนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่มีเหรียญของหลวงพ่อเกษม ที่ขอแบ่งเช่าเหรียญสิริมงคลรูประฆัง เป็นจำนวนถึง ๑,๐๐๐ เหรียญ แจ้งว่าเหตุการณ์เพิ่งคลี่คลาย รู้สึกยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ
คุณธีรยุทธ บุญมี บุคคลสำคัญในเหตุการณ์จลาจลคราวนี้ พร้อมด้วยคณะกรรมการศูนย์นิสิต นักศึกษา ก็ไปกราบนมัสการหลวงพ่อเกษม และได้รับแจกมาเพียงคนละ ๑ เหรียญ และริบบิ้นอีก ๑ ม้วน ท่านให้ไปตัดแบ่งกัน
นายบุญชัย พรหมเสน หรือ ตุ๋ย อายุ ๑๖ ปี ได้เหรียญสิริมงคลรูประฆังไว้ ๑ เหรียญ อยู่บ้านเลขที่ ๑๑๙/๙ ถนนสาธรใต้ ตลาดสวนพลู ตำบลทุ่งมหาเมฆ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เป็นนักเรียนอยู่ช่างกลพระนครเหนือ ปีที่ ๑
วันเกิดจลาจล ตุ๋ย เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในขบวนเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ขณะที่เกิดปะทะกัน เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลสั่งปราบปรามโดยเด็ดขาด เจ้าหน้าที่ก็ใช้ปืนยิงกราด กวาดล้างทันที แน่ละ ในเมื่อฝ่ายนักเรียนไม่มีอาวุธ จึงต้องถูกกระสุนปืนล้มระเนระนาด แต่ในที่นี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ล้ม ถูกปืนเหมือนกัน แต่ก็แค่กางเกงขาดเป็นรู แล้วรู้สึก
เพียงแสบ ๆ ที่ผิวหนังเท่านั้น ความตั้งใจของตุ๋ยภายหลังที่ถูกยิงแล้ว แต่ไม่เข้า ตุ๋ยก็อยากจะประคองเพื่อนเอามารวมกัน แต่ทว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังยิงกราดอยู่ไม่ยอมหยุดยั้ง ดูเถอะ ช่างใจเหี้ยมโหดอะไรอย่างนั้นนะ เขายิงอยู่เรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีใครต่อต้านทำร้ายตอบเลย
แล้วในใจหนึ่งของตุ๋ยก็ฮึดขึ้นมาฉับพลัน เพราะอดรนทนอยู่ไม่ไหวจริง ๆ ตุ๋ยวิ่งฝ่ากระสุนปืนเข้าไปแย่งปืนจากเจ้าหน้าที่ไว้ได้หนึ่งกระบอก
ดูสิ เยาวชนไทยเราฉกาจฉกรรจ์แค่ไหน
เมื่อแย่งปืนได้แล้ว ก็หารอช้าให้เสียเวลาไม่ ตุ๋ยรัวกระสุนสาดไปยังเจ้าหน้าที่บ้าง เท่านั้นแหละ ก็ทำให้หมดสิ้นซึ่งอุปสรรคขัดขวาง รวบรวมคนตาย และบาดเจ็บ พอจะลงมือประคองเพื่อนคนหนึ่ง ทันใดนั้น ก็มีทหารหลายนายมากับรถยนต์ เขาขอร้องให้ตุ๋ยรีบหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น มิฉะนั้นอาจจะต้องจบชีวิต ความตั้งใจของทหาร ตุ๋ยรู้ว่าเขาจะมาเก็บศพ และคนเจ็บบรรทุกใส่รถ
ตุ๋ยหมดแล้วซึ่งความประหวั่นพรั่นพรึงใด ๆ ตุ๋ยเลิกเกรงกลัวต่ออธรรม แล้วก็ด่าเขาสวนไป โดยพร้อมจะเอาชีวิตเข้าแลกกับเจ้าหน้าที่ อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่คงเห็นฤทธิ์เดชของเจ้าตุ๋ยมาแต่ไกลแล้วก็ได้ ก็เลยต้องยอมล่าถอย ไม่ยอมเผชิญกับความห้าวหาญของตุ๋ยอีกต่อไป
ความกล้าหาญชาญชัย ความรักเพื่อนของวีรชนอย่างตุ๋ย เราควรจะเทิดไว้ในที่สูงสักเพียงไร ท่านผู้อ่านที่รัก เรามาใช้วิจารณญาณกันให้ลึกซึ้งสักหน่อยเป็นไง
อีกรายหนึ่ง นายปกรณ์ ศรีโปฎก หรือ ต่าย มีบิดาชื่อ แปลก ศรีโปฎก ซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าหมวด ฝ่ายการบัญชี กองทำไม้ภาคเหนือ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หน้าวัดต้นผึ้ง ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง ส่วนตัวนายปกรณ์ หรือ ต่าย ศรีโปฎก เป็นนักเรียนช่างกลอุตสาหกรรมพณิชยการหมู่บ้านครู เขตหนองแขม ใกล้ ๆ สถานีโทรทัศน์สี ช่อง ๓ ต่ายมีอายุ ๒๐ ปี เป็นวีรชนคนหนึ่งที่เข้าร่วมอยู่ในขบวนเรียกร้องรัฐธรรมนูญด้วย
ต่าย รับหน้าที่ถือธง เรียกว่าเป็นแนวหน้านั่นแหละ ขณะเหตุการณ์กำลังวุ่นวายชุลมุน ต่าย อยู่ในบริเวณท้องสนามหลวง เฮลิคอปเตอร์บินมาถึง ก็ใช้ปืนกลยิงกราดไม่ไว้หน้า ณที่นี้ นักเรียนผู้เป็นเพื่อนของต่าย ตาย และบาดเจ็บกันมากมาย ตัวต่ายเองนั้น อารามตกใจก็เลยวิ่งไปยืนหลบบังกระสุนที่ต้นมะขามข้างสนาม จนกระทั่ง
เฮลิคอปเตอร์บินไปแล้ว จึงได้ออกมาลำเลียงเพื่อนที่บาดเจ็บล้มตาย เข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และก็ต่อมาอีกไม่นานนัก ก็มีเจ้าหน้าที่มาตั้งปืนจังก้า น่ากลัวอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คอยยิงกราดใส่คนที่เดินผ่านหน้ามหาวิทยาลัย
เมื่อรูปการณ์เป็นอย่างนี้ ต่ายเห็นแล้วพิจารณาแล้วจึงไม่กล้าออกจากมหาวิทยาลัยฯ อดทนหลบตัวอยู่จวบจนกระทั่งเย็น จึงคิดหลบหนีทางน้ำ ตั้งใจจะหาเรือข้ามฟาก เผอิญมีเรือมารับ แต่ต่ายพลาดเรือเที่ยวแรก ซึ่งก็เรือเที่ยวแรกน่ะแหละ ต่ายเห็นถูกยิงอย่างหนัก คนในเรือลำนั้นมีจำนวนไม่เกิน ๔๐ คน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ต่ายไม่ทราบชัด
ต่อมา ต่ายลงเรือลำที่สอง แต่ว่าเรือไม่ยอมล่อง เพราะกลัวเจ้าหน้าที่จะเห็น จึงข้ามฟากไปที่ท่าโรงพยาบาลศิริราช เมื่อถึงแล้วก็รีบขึ้นฝั่งที่โรงพยาบาลศิริราช มีนิสิตการแพทย์ และนางพยาบาลให้การต้อนรับต่ายอย่างอบอุ่นมาก เขาปลอบต่ายไม่ให้กลัว แถมยังหาเสื้อคนไข้มาให้สวม ขณะกำลังสวมเสื้ออยู่นั้น ต่ายเหลือบเห็นเจ้า
หน้าที่ขึ้นที่ท่าเรือมาแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ขึ้นลิฟท์ไปชั้นสูงทันที นึกเสียว่า คงไม่มีใครกล้าบุกเข้าตามคนไข้ แต่ต่ายคาดการณ์ผิด เจ้าหน้าที่บุกเข้าค้นหานักเรียนทั่วทุกห้อง ทุกแห่ง ทำไงดี
ครั้นแล้ว ต่ายจึงตัดสินใจวิ่งเข้าลิฟท์ พาตัวดิ่งลงมาข้างล่าง ถึงข้างล่างแล้วไม่เห็นใครเลย ก็วิ่งต่อไป ตอนนั้นหาประตูออกไม่พบ เลยตัดสินใจด่วน กระโดดข้ามกำแพงออกไป มีคนถามว่า ออกมาได้อย่างไร กำแพงสูงออกอย่างนั้น ต่ายเองก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าออกมาได้อย่างไรเหมือนกัน ไม่ผิดอะไรกับคนที่ถูกไฟไหม้บ้าน แล้วยกตุ่มน้ำลูกใหญ่ ๆ ได้ ตอนนี้น่าจะเรียกว่า ใช้กำลังภายในก็ได้
เกือบจะลืมบอกไปว่า ระหว่างเหตุการณ์ตื่นเต้นสยองขวัญนี้ ต่ายมีพระอะไรติดตัว พระที่ต่ายมีติดตัวก็คือ พระผงครบ ๕ รอบ ของหลวงพ่อเกษม และ พระครูบาศรีวิชัย ที่สร้างจากพระอังคารของท่าน เป็นรูปสามเหลี่ยม พระครูบาองค์นี้เคยมีประสบการณ์ ถูกยิงถูกแทงไม่เข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง
ความจริงในเหตุการณ์จลาจล ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ทราบว่า มีลูกหลานชาวลำปาง ได้เข้าร่วมในขบวนเรียกร้องรัฐธรรมนูญหลายคน ทุกคนล้วนแต่ไกลพ่อไกลแม่ ห่างเหินญาติพี่น้อง ปราศจากผู้ที่จะทัดทาน หรือห้ามปราม จึงได้แสดงวีรกรรมอย่างเต็มที่ อย่างที่เรียกว่า ไม่ยอมน้อยหน้าแก่กัน และพระเหรียญรุ่นต่าง ๆ ของหลวงพ่อเกษม ได้เข้าผจญเหตุการณ์หมดทุกรุ่น เป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งสิบทิศ
อันที่จริงวัตถุมงคลในนามของหลวงพ่อเกษม เขมโก หรือ หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ยังมีอีกมากมายหลายชนิด หลายรูปแบบ เช่น พระสมเด็จ, พระปิดตา, รูปหล่อเหมือน, พระผงรูปเหมือน,พระหลวงปู่ทวด, พระกริ่ง, เหรียญ หรือ ล็อกเก็ต รัชกาลที่ ๕, ล็อกเก็ตรูปหลวงปู่ ฯลฯ ซึ่งถ้าจะนำมาจารไนยให้หมดทุกรุ่นทุกแบบคงทำไม่ได้ จึงนำเสนอเฉพาะวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในชุดเบญจบารมีเท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่าพระเครื่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้นำมาเสนอ จะไม่ได้รับความนิยมก็หาไม่ ตรงกันข้าม ทุกวันนี้วัตถุมงคลที่เหลืออยู่ที่สุสานไตรลักษณ์ นับวันจะลดน้อยลงทุกที เพราะไม่มีการสร้างเพิ่ม ดังนั้น หากท่านใดสนใจ ก็ขอให้ไปบูชาได้ที่สุสานไตรลักษณ์โดยตรง ส่วนในกรุงเทพ ฯ ที่วัดไตรมิตร กุฏิเจ้าคุณธงชัย ท่านได้สร้างเอาไว้หลายรุ่น ยังพอมีตกค้างอยู่บ้าง ก่อนที่จะหมดไป และหาไม่ได้ อย่าหวังไปเช่าตามศูนย์ เพราะราคาแพง หรือบางทีอาจได้ของนอกพิธีก็ได้
ก่อนจบเรื่องราวของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ผมขอนำพระคาถาของหลวงปู่ มาลงไว้สำหรับท่านที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ หรือมีรูปภาพหลวงปู่ (ไม่ผ่านการอธิษฐานจิตก็ใช้ได้) จะได้ท่องสวดบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล
คำอาราธนา วัตถุมงคล ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า
พุทธัง อาราธนานัง ธัมมัง อาราธนานัง สังฆัง อาราธนานัง เขมะกะภิกขุง อาราธนานัง วันทามิหัง
แล้วว่าพระคาถาบทต่าง ๆ ตามแต่ปรารถนา
พระคาถาบทที่ ๑ ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า
สิวะลี มะหาเถรัง วันทามิหัง (๓ ครั้ง), มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ, มะหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เทถะฯ
ใช้สวดภาวนาประจำทั้งเช้าและเย็น เป็นคาถาโชคลาภ และเมตตามหานิยม จะทำให้ทำมาค้าขายดี ก่อนสวดก็ให้ระลึกถึงพระสีวลีมหาเถระเจ้า ผู้อุดมด้วยโชคลาภ และหลวงพ่อเกษม เขมโก พระสุปฏิปันโนผู้ทรงความเมตตา และคุณธรรมสูง แล้วอธิษฐานขอโชคลาภตามใจปรารถนา
พระคาถาบทที่ ๒ ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า
พุทโธ วะโร สะติ มะโต สัพพะ อันตะรายา วินาสันตุ
ใช้สวดภาวนา เป็นคาถาแคล้วคลาด ป้องกันสรรพอันตรายทั้งปวง ก่อนจะออกจากบ้าน หรือขณะเดินทางขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ ให้สวด ๓ จบ ๗ จบ ระลึกถึงหลวงพ่อเกษม เขมโก จะแคล้วคลาดจากสรรพอันตรายทั้งปวงแลฯ
พระคาถาบทที่ ๓ ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า
ธัมโม มะมัง สุรักขะตุ
ใช้สวดให้พระคุ้มครอง ป้องกันภูติผีปีศาจ ก่อนจะออกจากบ้านเดินทาง ให้สวด ๓ จบ ๗ จบ แล้วระลึกถึงหลวงพ่อเกษม เขมโก เด็กนอนไม่หลับร้องไห้งอแงในเวลากลางคืน ให้ใช้คาถานี้เป่าศีรษะเด็ก ๓ พ้วง เด็กนอนหลับสบาย เวลาพาเด็กเดินทางไปต่างถิ่น ก็ใช้คาถานี้เป่าป้องกันภูติผีปีศาจหลอกหลอน ท่านว่าชะงัดนักแลฯ
พระคาถาบทที่ ๔ ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า
นะ โน นะ อันตะรายา วินาสันตุ
ใช้เป็นคาถาแคล้วคลาด ป้องกันศาสตราวุธ และโจรภัยอันตรายทั้งปวง ก่อนจะออกจากบ้านเดินทางไปไหน ให้ว่าคาถานี้ ๓ จบ ๗ จบ ก่อน แล้วจึงเดินทาง ในระหว่างเดินทางก็ให้ภาวนาด้วยคาถานี้ไปเรื่อย ๆ แม้พบภยันตรายใด ๆ ก็จะแคล้วคลาด เพราะคาถานี้เป็น "นะจังงัง" ท่านว่าชะงัดนักแล แต่อย่าลืมระลึกถึงหลวงพ่อเกษม เขมโก ก่อนใช้ทุกครั้ง
ขออำนวยพรให้ผู้อ่านทุกท่าน จงประสบแต่ความสุขสวัสดี มีโชคลาภตามการประกอบกรรมดีทุกประการ และจงแคล้วคลาดจากทุกข์ โศก โรค ภัยใด ๆ ภยันตรายทั้งปวงจงอย่าได้พบพานตลอดไป แถมท้ายด้วยพรของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ดังนี้
"ขอให้ท่านเป็นผู้ที่มีโชคดี มั่งมีศรีสุข ลาภผลพูนทวี อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง"
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย