เมื่อวาน เวลา 03:36 • ปรัชญา

ประวัติหลวงปู่กรัก สุวณฺณสาโร

วัดอัมพวัน บ.บางขันหมากใต้ ต.อัมพวัน อ.เมือง จ.ลพบุรี
จากนิตยสารมหาโพธิ์
โพสต์ในเวบ กรุสยาม โดยคุณ chanapai เมื่อวันที่ 2009-05-01
ถ้าจะเอ่ยถึงเหรียญพระคณาจารย์ยุคเก่าในอดีตที่เคยโด่งดังสุดขีดและเป็น "หนึ่ง" ของจังหวัดลพบุรีแล้วละก็?
ผู้เขียนกล้ากล่าวได้ว่า ...เหรียญพระอุปัชฌาย์กรัก "เป็นหนึ่ง" ทั้งในด้านความเก่า ทั้งในด้านพุทธคุณยิ่งยง ตลอดกาลมาจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ราคาเหรียญที่สร้างในเล่นหาจะสู้เหรียญที่สร้างในพ.ศ. เดียวกันกับสำนักอื่นๆ ไม่ได้ แต่ชาวเมืองลพบุรีต่างก็หวงแหนกันยิ่งนัก
เพราะเขาต่างศรัทธาเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านเปรียบประดุจเทพเจ้าแห่งความคงกะพันชาตรี
ชาวเมืองลพบุรีที่มีเหรียญหลวงพ่อกรักบูชาติดตัวต่างมีประสบการณ์ในความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหาริย์ จนเป็นที่กล่าวขวัญทั่วไปว่า...เหรียญท่านมีพุทธคุณดีเด่นไม่แพ้เหรียญหลักแสนในปัจจุบันนี้
นับว่าเป็นเหรียญที่ทรงคุณค่าแต่ราคาเล่นหายังเบาหวิวที่ค่อนข้างจะหายากสักหน่อย ส่วนศิลปะรูปแบบก็ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยเหตุนี้เขียนจึงขอนำมาเสนอแนะแก่ท่านผู้อ่าน หากเจออย่าได้มองข้ามไปเสียล่ะ เสียดายแย่เลย!!
ตามประวัติของหลวงพ่อกรัก และการสร้างเหรียญนั้น เท่าที่ผู้เขียนได้รับฟังคำบอกเล่ามาจาก ท่านพระครูอมรสมณคุณ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดกับท่าน ตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาที่มีอายุเข้าวัยชรามากในย่านนั้น พอสรุปได้ว่า..
หลวงพ่อกรักมีเชื้อสายเป็นชาวรามัญ (มอญ) เป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด สำหรับวันเดือนปีเกิดของท่านนั้นไม่มีใครทราบเพราะไม่ได้บันทึกไว้ เพราะพวกเกจิอาจารย์โบราณถือกันมากเกี่ยวกับเรื่องวันเดือนปีเกิด ท่านมักจะปิดบัง ไม่ยอมให้ใครรู้ และอีกประการหนึ่ง ลูกศิษย์ที่เคารพครูบาอาจารย์ก็ไม่มีใครกล้าไปสอบถามท่าน ถือ
เป็นการละลาบละล้วง และท่านก็ไม่เคยทำเรื่องขอสมณศักดิ์จึงไม่มีหลักฐานใดๆ ปรากฏ ยิ่งในสมัยก่อนพระที่บวชกันส่วนมาก กฎระเบียบคณะสงฆ์ยังไม่มีการบังคับให้มีใบสุทธิและใบสมัครเข้าบวชเหมือนอย่างปัจจุบันนี้ จึงเป็นการยากที่จะสืบหาประวัติให้แน่ชัดได้
สมัยนี้เพียงแต่ใครมีจิตศรัทธาต้องการบรรพชาอุปสมบทก็จัดหาอัฐบริขาร ๘ ตามพระธรรมวินัย ไปหาอุปัชฌาย์ดูฤกษ์ยามบวช ท่องคำกล่าวขออุปสมบทได้เองก็มีสิทธิ์บวชได้แล้ว ส่วนเรื่องปัจจัยไทยธรรม ในสมัยก่อนเขาไม่ค่อยสนใจกัน ขออย่างเดียวบวชเข้ามาด้วยความศรัทธาตั้งใจปฏิบัติธรรมเป็นใช้ได้
ด้วยเหตุนี้พระในสมัยก่อนจึงไม่ค่อยมีข่าวเสียหาย เรื่องศีลไม่บริสุทธิ์ เพราะคนโบราณเขาถือกันหนักหนาเรื่องบุญ-บาป ไม่เหมือนในยุคปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะมีตัวบทกฎหมายของคณะสงฆ์ออกมาควบคุมพระสงฆ์องคเจ้ากันอย่างเข้มงวด ก็ยังไม่วายที่มีมารร้ายเข้ามาแอบแฝงอาศัยผ้าเหลืองกอบโกยหาผลประโยชน์และสร้างรอยด่างให้กับพระศาสนา จนพุทธศาสนิกชนต่างเอือมระอา (เพราะพระสมัยใหม่เขาถือว่า บาปหรือบุญไม่สำคัญ ขอให้ข้ามียศถาบรรดาศักดิ์ คนเขาก็ศรัทธาเอง ส่วนทรัพย์สินเงินทอง ก็วิ่งเข้ามาเองตามฐานันดรของตน)
ถึงแม้ไม่ทราบประวัติวันเดือนปีเกิดของหลวงพ่อกรักอย่างแน่ชัด แต่ปีมรณภาพนั้นรู้แน่นอน คือตรงกับแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ พ.ศ. ๒๔๘๔
จากการคำนวณ พ.ศ. การสร้างเหรียญของท่านพอจะสรุปได้ว่าคงจะสร้างในช่วงอายุท่านครบ ๕ รอบ ๖๐ ปี หรือไม่ก็ ๖ รอบ ๗๒ ปี
ที่ข้าพเจ้ากล้ากล่าวเช่นนี้ สืบเนื่องจากเคยติดตามพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าหลายท่าน เช่น เจ้าคุณพระเทพสิทธินายก (หลวงปู่นาค) วัดระฆังฯ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว, หลวงพ่อพุฒิ วัดมหาธาตุ, หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ฯลฯ ซึ่งแต่ละองค์ที่กล่าวนามมานี้ ได้มรณภาพไปแล้ว ท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังเสมอว่า..
พระ อาจารย์ในยุคเก่าๆ ท่านเคร่งครัดยิ่งนัก หากอายุไม่ถึง ๖๐ ปีเต็ม ท่านจะไม่นิยมทำเหรียญรูปเหมือนของท่านอย่างเด็ดขาด นอกจากเป็นรูปพระพุทธหรือพวกตะกรุดเท่านั้น ยิ่งเป็นรูปเหมือนขนาดบูชาด้วยแล้ว ท่านถือกันหนักหนา ไม่นิยมหล่อขึ้นก่อน ใครศรัทธาจะเป็นเจ้าภาพสร้างให้ก็ไม่ได้ เพราะถือเป็นกาแช่งท่านให้ตายเร็วเข้าด้วย เหตุนี้เองรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของพระคณาจารย์ในยุคนั้น จึงหล่อขึ้นหลังจากท่านพระคณาจารย์เหล่านี้มรณภาพไปแล้วแทบทั้งนั้น
ฉะนั้น การสร้างเหรียญรูปเหมือนของพระคณาจารย์ในยุคนั้น ต้องมีอายุอย่างต่ำสุด ๖๐ ปี ถือเป็นการทำบุญครบอายุ ๕ รอบ หรือไม่ก็ครบ ๖ รอบ ๗๒ ปี จึงพอสรุปได้ว่า หลวงพ่อกรักคงเกิดในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๐๙ หรือ พ.ศ. ๒๓๙๗ หากเป็นเช่นนี้ หลวงพ่อกรัก ตอนมรณภาพอายุคงอยู่ในระหว่าง ๗๘ - ๘๗ ปี
ท่านพระครูอมรฯ ได้เล่าว่า..ลักษณะของหลวงพ่อกรักนั้น รูปร่างเล็กบาง มีอุปนิสัยเยือกเย็น สุขุม รอบคอบ พูดน้อย มัธยัสถ์ ชอบเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
หลวงพ่อกรักได้ศึกษาพุทธาคมกับ หลวงปู่แสง วัดมณีชลขันธ์ และท่านยังมีความสนิทสนมกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ถึงขนาดตอนที่หลวงพ่อกลั่นสร้างเหรียญรุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้นิมนต์หลวงพ่อกรัก ไปร่วมปลุกเสกเหรียญที่วัดพระญาติอีกด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ อาจารย์เภา อดีตนักเล่นเหรียญที่ยิ่งยง เป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมได้เคยกล่าวถึงหลวงพ่อกรัก วัดอัมพวันเสมอว่า..
"ท่านองค์นี้เก่งกล้าวิชาอาคมสูง แม้แต่หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ยังไว้วางใจมาก และกล่าวยกย่องท่านเสมอ.."
หลวงพ่อกรักได้บวชเป็นพระตอนอายุครบเกณฑ์คือ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ที่วัดอัมพวัน กล่าวกันว่าท่านฉันมื้อเดียว (เอกา) ตลอดชีวิต ก่อนวันมรณภาพ เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมา ลูกศิษย์ได้ขอร้องให้ท่านพักผ่อน ไม่ต้องออกบิณฑบาต แต่ท่านก็ไม่ยอม ท่านบอกว่า เป็นกิจวัตรของพระภิกษุหากวันใดท่านไม่ได้ออกบิณฑบาต หมายถึงท่านได้ละสังขารไปแล้ว
เป็นธรรมดาของกฎแห่งธรรมชาติที่ทุกสิ่งทุกอย่างอุบัติขึ้นในโลกย่อมมีการอุบัติและดับไป ซึ่งเป็นของคู่กันอยู่ ไม่ว่าปุถุชนหรือพระอรหันต์ แต่การตายนั้น ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์โลกย่อมไม่เหมือนกัน บางคนก็แก่ตายตามธรรมชาติของสังขาร บางคนก็ตายก่อนถึงวัยชรา เรียกว่า ตายโหง
แต่การตายของพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัตินั้น ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า นิพพาน คือ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป สำหรับพระภิกษุทั่วไปที่บวชเข้ามาไม่ปฏิบัติธรรม ไม่ได้ฌานนั้น ก็ยังอยู่ในขั้นโลกียะ ย่อมมีการเวียนว่ายตายเกิด เช่นปุถุชนทั่วไป หากประพฤตินอกพระธรรมวินัยต้องไปเสวยกรรมหนักกว่าฆราวาสทั่วไปเสียอีก
หลวงพ่อกรักก็เช่นกัน ถึงแม้จะมีวิชาอาคมแก่กล้า ปฏิบัติธรรมจนได้ฌานชั้นสูง แต่ก็หนีไม่พ้นจากกฎของธรรมชาติไปได้! ท่านพระครูอมรฯได้เล่าว่า..
วันนั้นเป็นวันออกพรรษา รุ่งขึ้นตอนเช้าเป็นวันตักบาตรเทโว ขณะนั้นท่านกำลังอาพาธ ลูกศิษย์ลูกหาได้ขอร้องให้ท่านหยุดบิณฑบาต ท่านก็ไม่ยอม พอฉันเช้าเสร็จก็ลงทำวัตร-เย็นตามปกติ พออาทิตย์ใกล้ตกดิน ท่านได้เรียกพระภิกษุสามเณรไปอบรมที่กุฏิ ตอนนั้นท่านพระครูอมรฯ ยังบวชเป็นสามเณรอยู่ ได้ให้โอวาทอบรมพระ
ธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และย้ำให้ทุกองค์มุ่งปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ท่านบอกว่า ฉันจะอยู่กับพวกเธออีกไม่นาน ถึงเวลาแล้ว ต้องขอลาจากไปก่อน พอกล่าวจบท่านก็เอนกายลงนอนมรณภาพในวันนั้นเอง ยังความโศกเศร้าเสียใจแก่บรรดาศิษย์ทั้งหลาย
การสร้างเหรียญ
เหรียญของท่านที่สร้างขึ้นมีสามรุ่นด้วยกัน คือ รุ่นแรก สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ เป็นลักษณะ เหรียญกลม หูเชื่อม ห่วงเชื่อม ยกขอบเส้นนูนโดยรอบ ตรงกลางเป็นรูปหลวงพ่อนั่งสมาธิเต็มองค์ อยู่เหนืออาสนะขาสิงห์ โดยรอบพื้นเหรียญจารึกเป็นอักษรไทยว่า พระอุปัชฌอกรัก ๒๔๖๙
คำว่า "ฌอ" เปนภาษารามัญ แปลว่า ทอ หรือ ทอง ส่วน "กรัก" แปลว่าแก่น
ด้านหลัง แกะเป็นรูปบัวบาน ภายในกลีบบัวจารึกเป็นอักขระขอมว่า "มะอะอุ มะอุอะ อุมะอะ" กลีบนอกเป็นคาถาอุณาโลม ๙ ตัวๆ ละกลีบ ภายในเกษร (ตรงกลาง ) เป็นยันต์สี่ใบพัด ภายในบรรจุตัวขอมว่า ทุ สะ นะ มิ ล้อมรอบด้วย นะ มะ พะ ทะ เหรีญรุ่นนี้สร้างขึ้นประมาณ ๕๐๐ เหรียญ ท่านแจกให้ลูกศิษย์ฟรีๆ หมด ภายในไม่ถึงเดือน
เมื่อเหรียญรุ่นนี้แจกหมด ปรากฏว่าไม่เพียงพอแก่ความต้องการ เพราะพวกลูกศิษย์ได้นำไปบูชาติดตัว เกิดมีประสบการณ์มากมายจนเป็นที่เล่าลือไปทั่ว
ลูกศิษย์จึงขอร้องให้หลวงพ่อสร้างใหม่อีกรุ่น ในปลายปีนั้นเอง เป็นแบบเหรียญปั๊มรูปไข่ หูไม่เชื่อม อักขระทุกอย่างแบบเดียวกับรุ่นแรกทุกประการ การสร้างรุ่นนี้ เท่าที่ทราบจำนวน ๑,๐๐๐ เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงทั้งหมด
ต่อมา ในปีพ.ศ. ๒๔๗๘ ท่านอาจารย์กราว ผู้เป็นหลานชายของหลวงพ่อกรัก ร่วมกับลูกศิษย์ได้จัดสร้างเหรียญกลมขึ้น เลียนแบบเหรียญรุ่นแรก เป็นรุ่นสาม แต่องค์ท่านดูลักษณะใหญ่โตกว่ารุ่นแรก เมื่อได้นำเหรียญไปให้ท่านปลุกเสก ท่านได้ยึดเหรียญไว้ไม่ยอมคืน เพราะเกรงว่าจะเอาไปจำหน่ายทำให้เสียชื่อ ปกติแล้ว หลวงพ่อท่านชอบแจกฟรี จนกระทั่งอาจารย์กราวได้มรณภาพลง ท่านจึงได้นำมาแจกในงานฌาปนกิจศพพระอาจารย์กราวจนหมดสิ้น
นอกจากนี้ ท่านยังทำผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ตะกรุด แก่ชาวบ้าน เพราะขณะนั้นเกิดภัยสงครามอินโดจีนอีกด้วย
อิทธิปาฏิหาริย์
ในสมัยที่ หลวงพ่อกรักยังมีชีวิตอยู่ ได้มีชาวบ้านละแวกนั้น ชักชวนเพื่อนไปยิงค้างคาวแม่ไก่ที่เกาะอยู่บนกิ่งโพธิ์หน้ากุฏิท่าน ปรากฎว่าพอเหนี่ยวไกปืน กระสุนไม่ลั่น แต่พอหันปากกระบอกไปทางอื่น กลับลั่น เมื่อมีคนไปบอกท่าน ท่านกลับนั่งหัวเราะ หึ! หึ! ไม่พูดอะไร
อีกเรื่องหนึ่ง ในสมัยที่ ส.ท.ปลัดแม้น เปลี่ยนมณี รับราชการเป็นทหารเรือ ได้รับแจกเหรียญจากท่านไป ๑ เหรียญ แต่นิสัยของเขาไม่ค่อยเชื่อถือเกี่ยวกับด้านปาฏิหาริย์ จึงได้ชักชวนเพื่อนที่เป็นทหารด้วยกันไปทดลองยิงเหรียญ ณ สนามฝึก
ผลปรากฏว่า ส.ท. ปลัดแม้น พยายามยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก? แต่พอยกปืนยิงขึ้นฟ้ากลับยิงออก
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาเลยเชื่อถือว่า หลวงพ่อกรักท่านเก่งจริงๆ
สำหรับคำขวัญของนักเลงเหรียญรุ่นเก่า กล่าวไว้ว่า.
"ใครมีเหรียญหลวงพ่อกรักอยู่กับตัว ชนได้ทุกที่ ชีวีปลอดภัย"
โฆษณา