“พลิกชีวิต” หรือแค่พลิกด้านของแผ่นซีดี
สังคมไทยชอบเล่านิทาน “ฮึดสู้แล้วสำเร็จ”
อยากให้เราเชื่อว่าขยันแล้วจะรวย
พยายามแล้วจะมีบ้าน มีรถ มีบัตรเครดิตรูดไม่สะดุด
แต่บางที “พลิกชีวิต” ที่เราฝันถึง มันก็เหมือนพลิกแผ่นซีดีเก่าๆ ฟังเพลงเดิม แค่คนละด้าน
บางคน “ชีวิตบวกเป็นล้านตั้งแต่เกิด”
เรียนไม่จบก็ยังไม่อดตาย
ล้มสักกี่ครั้งก็ยังมีคนคอยอุ้ม
บางคน “ลบตั้งแต่ลืมตา”
ทำงานตั้งแต่เด็ก เรียนไปทำงานไป หนี้รุมล้อม
อยากพลิกชีวิต แต่แทบไม่มีทุนพอจะจับไพ่ขึ้นมาเล่นด้วยซ้ำ
โลกมันโหดพอที่จะสอนว่า บางคนรวยแล้วก็ยังพลิก มาล้มละลายจนไม่มีแม้ค่าไฟจ่าย
บางคนดังลั่นโลก แต่จบชีวิตด้วยความโดดเดี่ยว
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
เราชอบถามหาสูตรสำเร็จ แต่ความจริงมันไม่มี
“ขยัน” เป็นแค่ “เหตุ” ไม่ใช่ “การันตีผล”
พยายามมากเท่าไรก็แค่เพิ่มแนวโน้ม
แต่ไม่ใช่คำสัญญาว่าจะถึงเส้นชัย
เพราะในโลกนี้ เหตุไม่ได้มีแค่ของเรา
ยังมีเหตุของคนอื่น เหตุของสังคม
และเหตุของโลกที่เราไปเกี่ยวข้อง
นี่คือความจริงที่หลายคนไม่อยากฟัง เพราะมันหดหู่
แต่มันคือธรรมดาของชีวิต กรรมเก่าก็เป็นเหตุหนึ่ง กรรมใหม่ก็เป็นเหตุหนึ่ง เราทำดี ผลดีย่อมมี แต่จะออกดอกผลเมื่อไรและอย่างไร เราบังคับไม่ได้
เมื่อเราวัดชีวิตด้วย “เงิน”
เราเอาความสำเร็จไปผูกติดกับเงิน
จนลืมไปว่าชีวิตนี้มันอยู่ได้เพราะคนอื่น
คนที่เรียนจบปริญญาในวันนี้
ไม่ได้เรียนจบเพราะตัวเองล้วนๆ
ป้าข้าวแกงหน้าปากซอยที่ตักข้าวให้ตอนเช้า
คนขับรถเมล์ที่พาไปเรียน
คนงานที่ซ่อมเครื่องปั่นไฟฟ้าที่เขื่อน
คนปลูกผักที่ไหนสักแห่งที่ทำให้มีอาหารกิน
ทั้งหมดนี้ต่างก็ “พยุงชีวิตเราไว้” แม้เขาจะไม่เคยรู้จักเราเลย
แล้วเขาล่ะ
เขาไม่ได้ “สำเร็จ” อยู่แล้วหรือ
สำเร็จในแบบที่ลูกของเขาได้กินข้าว ได้ไปโรงเรียน
สำเร็จในแบบที่ไรเดอร์ส่งเงินกลับบ้านให้ลูกซื้อดินสอระบายสี สำเร็จในแบบที่ชาวสวนปลูกผักให้คนกินอร่อยทุกคำ
ชีวิตที่ถูกป้อนด้วย “สูตรสำเร็จ”
เราเหมือนไก่ในฟาร์ม ถูกป้อนอาหารเป็น “ความเชื่อ” ว่าความสำเร็จต้องหน้าตาแบบนี้
จนเรามองไม่เห็นบางอย่างที่สวยงาม
เราลืมไปว่าทุกสิ่งที่เริ่ม ย่อมต้องจบ
ชีวิตนี้หนอ ไม่ถึงร้อยปี แล้วเราจะใช้เวลาเท่าไรในการวิ่งตามภาพฝันที่คนอื่นป้อนให้
พลิกชีวิตในมุมของคุณ
พระพุทธเจ้าก็พลิกชีวิตเหมือนกัน
แต่ท่านพลิกแบบ “วาง” ไม่ใช่ “วิ่ง”
จากเจ้าชายในปราสาทหรู มานอนโคนไม้ กินข้าวในบาตร ไม่ใช่เพราะท่านแพ้โลก แต่เพราะท่านชนะใจตัวเอง
บางที “พลิกชีวิต” ของเราก็อาจไม่ได้หมายถึงการวิ่งให้เร็วกว่าใคร แต่อาจหมายถึงการหยุด แล้วถามตัวเองว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้น ทำให้ใจสงบขึ้นหรือเปล่า
ทำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นไหม
เพราะไม่ว่าเราจะพลิกแบบไหน
ชีวิตนี้ก็จบอยู่ดี
คำถามคือ คุณได้เรียนรู้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้แล้วหรือยัง
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
