1 ก.ย. เวลา 00:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ศาลอุทธรณ์เบรกทรัมป์: IEEPA ไม่ใช่ “ใบเบิกทาง” สำหรับภาษีนำเข้าถาวร

ดราม่าเอย จบซับซ้อนยิ่งขึ้น นี่คือฉากหนึ่งของ การคานอำนาจในรัฐธรรมนูญสหรัฐ —ฝ่ายบริหารอยากใช้อำนาจเต็มมือ แต่ถูกศาลเข้ามา “เบรก” ไว้ เพื่อรักษาอำนาจตั้งภาษีนำเข้าให้เป็นสิทธิของสภาคองเกรส
งานนี้ไม่ได้จบง่ายๆ แน่นอนเพราะสิ่งที่ถูกหยุดคือ นโยบายภาษีหลักของทรัมป์เอง
ศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ (Federal Appeal Court) มีคำตัดสินในคดี V.O.S. Selections v. Trump โดย ยืนยันตามศาลชั้นต้น ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย IEEPA (International Emergency Economic Powers Act) ที่จะออกคำสั่งเก็บภาษีนำเข้ากับเกือบทุกประเทศในโลกแบบไม่มีกำหนดเวลา
📍ศาลอุทธรณ์มองยังไง?
ศาลชี้ว่าเจตนารมณ์ของ IEEPA คือ รับมือภัยฉุกเฉินเฉพาะหน้า เช่น การคว่ำบาตรผู้ก่อการร้าย การแช่แข็งทรัพย์สินต่างชาติ หรือการห้ามขนส่งสินค้าบางชนิด
คำว่า “regulate imports” ในกฎหมาย ไม่ได้หมายถึงการสร้างตารางภาษีนำเข้าใหม่ทั้งระบบ เพราะการจัดเก็บภาษีเป็นหน้าที่ของสภาคองเกรส
พูดสั้นๆ คือ IEEPA เป็น emergency tool ไม่ใช่ trade law และไม่ใช่ shortcut ที่ประธานาธิบดีจะใช้เลี่ยงสภาได้
📍แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?
1. เรื่องนี้ถึงครูสมศรีแน่นอน
คดีนี้เป็นหัวใจของนโยบายเศรษฐกิจที่ทรัมป์ใช้หาเสียง การขึ้นศาลสูงสุด (Supreme Court) จึงเลี่ยงไม่ได้
2. ระหว่างนี้ภาษีอาจจะยังอยู่ต่อ
แม้ศาลอุทธรณ์จะบอกว่า IEEPA ใช้ไม่ได้ แต่ศาลก็ออก administrative stay ทำให้ภาษีของทรัมป์ ยังบังคับใช้ต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ศาลฎีกาก็มีแนวโน้มสูงที่จะทำแบบเดียวกัน เพื่อเลี่ยงความปั่นป่วน เช่น หากยกเลิกภาษีวันนี้ แต่ปีหน้าศาลกลับคำ ทุกอย่างจะปั่นป่วนสองรอบ
3. ถ้าศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ไม่ได้แปลว่าภาษีจะหายไปเลยทันที เพราะทรัมป์ยังมี กฎหมายการค้าอื่นๆ ในมือ เช่น
• Section 232 (อ้างความมั่นคงแห่งชาติ)
• Section 301 (ตอบโต้การค้าไม่เป็นธรรม)
เพียงแต่การใช้กฎหมายเหล่านี้ ซับซ้อนและต้องผ่านขั้นตอนมากกว่า ต่างจาก IEEPA ที่สามารถออกคำสั่งได้ทันที ทำให้การดำเนินนโยบาย “reciprocal tariffs” ยากขึ้นและช้าลง
แปลว่าการค้าโลกยังต้องแบกรับภาษีของทรัมป์ต่อไปในระหว่างที่คดียังไม่สิ้นสุด ความไม่แน่นอนยังอยู่เต็มๆ
ถ้าศาลฎีกายืนตาม จะเป็นการย้ำว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สามารถใช้กฎหมายฉุกเฉินเปลี่ยนนโยบายการค้าได้ตามใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าภาษีจะหายไป เพราะยังมี Section 232 และ 301 ที่เป็น “ช่องทางสำรอง” อยู่
นอกจากนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องดราม่าทางการเมืองแน่นอน ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์อาจใช้เรื่องนี้โจมตีว่า “ศาลขัดขวางการปกป้องอเมริกา” ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมองว่านี่คือชัยชนะของระบบถ่วงดุลอำนาจ
📍ไปไงต่อ
คดีนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของ “ตัวเลขภาษี” แต่สะท้อนภาพใหญ่ของ การเมืองการค้าในศตวรรษที่ 21—การต่อสู้ระหว่างอำนาจฝ่ายบริหารที่ต้องการความยืดหยุ่นเต็มมือ กับระบบกฎหมาย–สภาที่พยายามรักษากติกาไว้ และศาลกลายเป็น “ด่านสุดท้าย” ในการตีความว่าขอบเขตอำนาจอยู่ตรงไหน
คำถามคือ… ถ้าศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์จริง โลกการค้าจะสงบลง หรือเพียงแค่บังคับให้ทรัมป์เปลี่ยนสนามไปใช้อาวุธทางกฎหมายอื่น?
และถ้าศาลกลับคำ เปิดไฟเขียวให้ IEEPA ใช้เก็บภาษีได้ถาวรจริง ๆ นั่นจะเป็นการเปลี่ยนโฉมอำนาจประธานาธิบดีอเมริกันครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
โฆษณา