12 ก.ย. เวลา 05:00 • ธุรกิจ

Wealth Transfer การวางแผนมรดกและการส่งต่อความมั่งคั่ง

การส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Transfer) คือหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดที่เป็นหัวใจของผู้มีสินทรัพย์สูงทุกคน เพราะไม่ใช่แค่การมอบมรดกในส่วนของทรัพย์สินส่วนตัวเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการความซับซ้อนระหว่างทรัพย์สินส่วนตัวและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลที่สร้างมาทั้งชีวิต ที่เติบโตอยู่ในบริษัทเป็นทรัพย์สินของบริษัท เป็นมรดกมูลค่ามหาศาลที่สร้างจากการทุ่มเททุกแรงกายแรงใจของเจ้าของกิจการทุกคน
โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจที่ทำธุรกิจร่วมกับหุ้นส่วน ความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดในการวางแผนมรดก ไม่ใช่เรื่องการแบ่งทรัพย์มรดก จัดการกองมรดก ภาษีมรดก การป้องกันพันธะภาระหนี้สินที่เจ้าหนี้จะเรียกเอาจากกองมรดกได้ แต่ความท้าทายที่สุดของการจัดการส่งต่อมรดก คือ "การจัดการปกป้องรักษาความต่อเนื่อง" ของธุรกิจที่จะเปลี่ยนไปเมื่อมีทายาทหรือทายาทของหุ้นส่วนเข้ามารับช่วงต่อ
หากสถานการณ์เกิดขึ้น เมื่อทายาทได้รับหุ้นบริษัทเป็นมรดก “พวกเขากลายเป็นผู้ถือหุ้น” ที่อาจไม่มีความสามารถ ในการรับช่วงการบริหารกิจการต่อ ไม่สามารถบริหารกิจการร่วมกับหุ้นส่วนได้ หรือไม่ได้รับการยอมรับจากหุ้นส่วนให้เข้ามาบริหารธุรกิจร่วมกับหุ้นส่วนที่ยังอยู่ ทายาทไม่ต้องการรับช่วงกิจการนี้
ปัญหาความยุ่งยากที่จะตามมา สามารถสั่นคลอนความมั่นคงและความต่อเนื่องของธุรกิจและของครอบครัวได้ในทันทีเลยทีเดียว
ผู้มีสินทรัพย์สูงที่ทำธุรกิจแบบหุ้นส่วน ล้วนมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเมื่อต้องทำธุรกิจแบบหุ้นส่วน พวกเขารู้ดีว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พวกเขามองการณ์ไกลว่าการส่งต่อความมั่งคั่งไม่ใช่แค่การเขียนพินัยกรรมมรดก แต่เป็นการวางแผนสืบทอดส่งมอบความมั่งคั่งอย่างรอบคอบ รัดกุมทุกมิติ ให้กับทรัพย์สินที่สร้างมา ที่จะพร้อมส่งต่อได้ในทุกสถานการณ์ และยังคงเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
หัวใจสำคัญของการวางแผนคือ
● ความราบรื่นในการบริหาร คือหลักประกันความต่อเนื่องของธุรกิจ
● ทายาทรับมรดกเป็นหุ้น ไม่ใช่เงินสด
● เตรียมเงินสดสำหรับทายาทและครอบครัว เป็นความมั่นคงของครอบครัวได้อย่างแท้จริง
● เตรียมเงินสดสำหรับทายาทของหุ้นส่วน มากพอที่ทายาทไม่ต้องขายหุ้น
● สร้างทางเลือกสำหรับทายาทและหุ้นส่วน ว่าจะบริหารธุรกิจร่วมกันได้หรือไม่
● ทายาทเข้ามาบริหารร่วมกับหุ้นส่วนก็ได้ หรือไม่เข้ามาบริหารก็สามารถรอรับปันผลอย่างเดียวก็ได้
● เตรียมเงินสำหรับ “การเสียภาษีมรดก”
● หุ้นส่วนทำธุรกิจกับหุ้นส่วน ไม่ใช่ทำธุรกิจกับทายาทของหุ้นส่วน
● ในกรณีที่เป็นหุ้นส่วนและเป็นกรรมการบริษัท ทรัพย์สินกองมรดกของกรรมการเจ้าหนี้ฟ้องเอาชำระหนี้ได้ทั้งหมด
● จัดสรรสินทรัพย์บางส่วนออกมา ให้แยกออกมาจากสินทรัพย์ของธุรกิจอย่างสิ้นเชิง
● เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเงินสดสูง มีสภาพคล่องสูง
● เป็นทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ฟ้องเอาชำระหนี้ไม่ได้
สินทรัพย์ที่ถูกจัดสรรและปกป้องไว้นี้ จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่พร้อมส่งตรงถึงมือทายาทได้ในทันที ไม่ว่าจะสามารถสืบทอดกิจการได้หรือไม่
นี่คือการบริหารจัดการมรดกที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่เปลี่ยน "มรดก" ที่ซับซ้อน ให้กลายเป็น "หลักประกัน" ที่สร้างความมั่นคงให้แก่ทายาท และในขณะเดียวกันก็สร้าง "ความต่อเนื่อง" ให้กับหุ้นส่วนที่ยังอยู่สามารถบริหารธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน
เพราะเป้าหมายสูงสุดของผู้นำที่เป็นผู้สร้าง ไม่ใช่แค่การสร้างความสำเร็จ... แต่คือการสร้างหลักประกันว่าความสำเร็จนั้นจะถูกส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่นได้อย่างสมบูรณ์
GENEX | INSURED WEALTH CREATION
ผู้เชี่ยวชาญโครงการ Corporate Policy to Wealth Creation
โฆษณา