3 ก.ย. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

เจาะโมเดลธุรกิจ Bitcoin Treasury บริษัทที่ซื้อ Bitcoin เก็บไว้ ไม่เอาออกมาขาย จะหาเงินได้อย่างไร ?

ผ่านมาแล้ว 17 ปี นับตั้งแต่วันที่ Bitcoin เกิดขึ้นมาจากชายนิรนามชื่อ Satoshi Nakamoto
วันนี้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นกว่าเดิม จากการที่หลายประเทศอนุญาตให้ออกกองทุน ETF ได้ จนไปถึงให้บางบริษัทถือครอง Bitcoin ไว้เป็นสินทรัพย์
จนเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มมีเทรนด์ใหม่ในโลกธุรกิจ ที่ทำให้หลายบริษัท ไม่ได้ถือ Bitcoin ไว้เพียงเพื่อเป็นสินทรัพย์ลงทุน
แต่ตั้งเป้าว่าจะซื้อ Bitcoin เข้ามาเก็บไว้กับบริษัทให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ หรือไม่ก็ซื้อ Bitcoin ให้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งบริษัทเหล่านี้เรียกว่า บริษัท “Bitcoin Treasury” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม Bitcoin นั้นเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้กระแสเงินสด เหมือนกับการลงทุนทำธุรกิจ หรือถือหุ้นทั่วไป ทำให้หลายคนก็คงจะสงสัยว่า แล้วบริษัทแบบนี้จะเอาเงินมาจากไหน
ถ้าอยากรู้ว่าโมเดลในการหาเงินของ Bitcoin Treasury เป็นอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ไม่ใช่ทุกบริษัทที่ถือ Bitcoin แล้วจะกลายเป็นบริษัท Bitcoin Treasury เพราะในโลกนี้ บริษัทที่ถือ Bitcoin จะสามารถแบ่งได้หลัก ๆ อยู่ 4 ประเภทคือ
1. บริษัทเจ้าของกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Coinbase หรือในประเทศไทยก็เช่น Binance TH และ Bitkub รวมไปถึง Exchange ต่าง ๆ เป็นต้น
2. บริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin เช่น MARA Holdings หรือในประเทศไทยก็เช่น JAS และ ZIGA เป็นต้น
3. บริษัทที่ถือ Bitcoin เพื่อเป็นการลงทุน ซึ่งก็มีทั้งที่ลงทุนเพื่อบริหารสินทรัพย์ ทั้งที่ยังทำธุรกิจเดิมอยู่ เช่น Tesla ที่ถือ Bitcoin มากถึง 11,509 BTC แต่ก็ยังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่
หรือในประเทศไทยก็เช่น บริษัท TTA ที่ยังคงทำธุรกิจเดินเรือ หรือบริษัท XPG ที่ยังคงทำธุรกิจลงทุนอยู่ แต่แบ่งส่วนหนึ่งไปลงทุนใน Bitcoin
รวมถึงบริษัทที่ลงทุนเป็นหลักเลยก็มี เช่น Galaxy Digital Holdings ในสหรัฐอเมริกา ส่วนในไทยก็เช่น บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีรายได้หลักมาจากการลงทุนและซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
และสุดท้าย 4. บริษัท Bitcoin Treasury ที่แม้จะเป็นบริษัทที่เข้าลงทุนใน Bitcoin คล้าย ๆ กับบริษัทประเภทก่อนหน้า
แต่จุดตัดสำคัญ ที่ทำให้บริษัท Bitcoin Treasury ต่างกันกับบริษัทที่ลงทุนใน Bitcoin อย่างแรกเลยก็คือ สัดส่วนในการถือ Bitcoin ต่อสินทรัพย์ทั้งหมดที่สูงมาก
อย่างเช่น Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy) ในสหรัฐอเมริกา มูลค่า Bitcoin ที่ถืออยู่คิดเป็นประมาณ 63% ของมูลค่ากิจการ (Enterprise Value)
หรือ Metaplanet จากประเทศญี่ปุ่นเอง ก็มีมูลค่า Bitcoin ที่ถืออยู่ คิดเป็นประมาณ 47% ของมูลค่ากิจการเช่นเดียวกัน
ส่วนอย่างที่สองก็คือ เป้าหมายในการลงทุน Bitcoin ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเก็บเอาไว้เป็นสินทรัพย์ของบริษัท ไม่ใช่เอาไว้ซื้อขายทำกำไร
โดย Metaplanet ก็ได้มีการตั้งเป้าว่าจะซื้อ Bitcoin มาเก็บไว้ในบริษัทให้ได้ 210,000 BTC หรือคิดเป็น 1% ของปริมาณ Bitcoin ทั้งหมด ในปี 2027
หรือบริษัทในไทยอย่าง RSXYZ ก็ประกาศว่าจะเปลี่ยนบริษัทเป็น Bitcoin Treasury ด้วยการตั้งเป้าว่าจะเก็บ Bitcoin ให้ได้ 3,333 BTC ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้
เมื่อเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Bitcoin Treasury และบริษัทที่ถือ Bitcoin ทั่วไปแล้ว
ทีนี้ก็มาถึงคำถามสำคัญที่ว่า บริษัทเหล่านี้จะเอาเงินซื้อ Bitcoin เพิ่มจากไหน ถ้าไม่ได้ขายออกไปเลย ?
แม้ Strategy จะยังทำธุรกิจซอฟต์แวร์ และ Metaplanet จะยังทำธุรกิจโรงแรมอยู่ แต่การจะพึ่งพาแต่กำไรของบริษัท ก็คงไม่สามารถซื้อ Bitcoin เพิ่มได้มากเท่าไรนัก
ทำให้วิธีการที่ทั้ง 2 บริษัทจะสามารถหาเงินมาซื้อ Bitcoin เพิ่มทีละมาก ๆ ได้ ก็ต้องอาศัยการ “ระดมทุน”
ผ่านทั้งการออกหุ้น และหุ้นกู้แปลงสภาพ ที่สามารถแปลงเป็นหุ้นของบริษัทได้ในอนาคต
โดยที่ผู้ถือหุ้นเก่า ก็ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะเสียเปรียบจากการที่มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น หรือที่เรียกว่า Dilution Effect
เพราะการที่บริษัทมีเงินซื้อ Bitcoin ได้ทีละมาก ๆ มูลค่า Bitcoin ต่อหุ้น จะยังเติบโตเร็วกว่าจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งอัตราการเติบโตของมูลค่า Bitcoin ต่อหุ้นนี้เอง เรียกว่า Bitcoin Yield อันเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการใช้เงินระดมทุนไปซื้อ Bitcoin ของบริษัท Bitcoin Treasury ที่นักลงทุนให้ความสนใจ
บริษัทจึงต้องคอยระดมทุนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้มีเงินซื้อ Bitcoin เพิ่ม
ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะเข้ามาระดมทุน เพราะมองว่าราคาหุ้นของบริษัทจะขึ้น ล้อไปกับขาขึ้นของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ประกอบกับได้ Bitcoin Yield ที่สูงขึ้น จากการที่บริษัทมีจำนวน Bitcoin เพิ่มขึ้นนั่นเอง
แต่นอกจากการระดมทุนแล้ว บริษัทอย่าง Metaplanet ก็มีวิธีการหารายได้โดยไม่ต้องขาย Bitcoin ออกไปสัก BTC นั่นก็คือการ “ขายสัญญา Put Options” หรือที่เรียกว่า Short Put
ถ้าจะให้อธิบาย Put Options แบบเร็ว ๆ ก็เหมือนกับประกัน ที่ให้สิทธิ์นักลงทุนขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าตลาดในช่วงขาลงได้
แลกกับการที่นักลงทุนจะต้องจ่าย Premium ให้กับผู้ขาย Options เหมือนกับที่เราจ่ายเบี้ยประกันให้กับตัวแทน
เพราะฉะนั้นการที่ Metaplanet ขาย Put Options จึงหมายความว่า Metaplanet จะได้รับเงิน Premium เป็นรายได้ เข้ามาในบริษัทนั่นเอง
ซึ่งเงินจากรายได้ตรงนี้ก็เป็นอีกส่วนที่ Metaplanet นำไปซื้อ Bitcoin เพิ่ม นอกเหนือจากเงินระดมทุนของนักลงทุน
1
จากทั้งหมดนี้เองเราก็น่าจะเข้าใจโมเดลในการหาเงินของบริษัท Bitcoin Treasury มากขึ้นแล้ว
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงต้องมีคนลงทุนใน Bitcoin ผ่านบริษัทแบบนี้ ? ทั้งที่ปัจจุบันการซื้อ Bitcoin ด้วยตัวเองก็ทำได้ไม่ยาก
นั่นก็เป็นเพราะว่า ในบางประเทศการถือครอง Bitcoin โดยตรง อาจจะไม่ได้ประโยชน์มากเท่ากับการลงทุนผ่านบริษัท Bitcoin Treasury
เช่น ญี่ปุ่น ที่การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี จะนำไปรวมเป็นรายได้ และอาจจะทำให้โดนภาษีสูงถึง 55% เลย ในขณะที่ภาษีจากการซื้อขายหุ้นถูกเก็บต่ำกว่านั้นมาก
รวมไปถึงบางกองทุนที่ไม่ใช่กองทุน Bitcoin ETF แต่อยากกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลบ้าง ทว่าติดข้อกำหนดที่ห้ามลงทุน ก็ต้องมาลงทุนผ่านการซื้อหุ้นของ Bitcoin Treasury แทน
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของบริษัท Bitcoin Treasury มักจะผันผวนกว่าราคาของ Bitcoin จริง ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าลงทุนกับ Bitcoin โดยตรง
แต่อย่างคำที่กล่าวไว้ว่า เหรียญนั้นมี 2 ด้าน แม้ในวันนี้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีนั้นเป็นใจ จนทำให้นักลงทุนหลายคนมีความสุขกับผลตอบแทนที่ได้รับ
ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเหล่านี้ คือวันที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีซบเซา ตามวัฏจักรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ก็อาจจะทำให้บริษัทเหล่านี้ ต้องหาสภาพคล่องมาจ่ายหนี้ที่ตัวเองก่อไว้เพื่อซื้อ Bitcoin
และถ้าหากบริษัทเหล่านี้ไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้
หนึ่งในสินทรัพย์ที่บริษัทจำใจต้องขาย ก็อาจจะกลายเป็น Bitcoin บางส่วนที่พวกเขาถือไว้นั่นเอง..
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ธุรกิจ
#โมเดลธุรกิจ
#Bitcoin
-รายงานประจำปี 2567 และแบบรายงาน 10-K ของบริษัทต่าง ๆ
-เอกสารคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 2 และแบบรายงาน 10-Q ของบริษัทต่าง ๆ
โฆษณา