5 ก.ย. เวลา 01:57 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

เรื่องราวของ เหอเจียจู หรือโฮกากู

“มหาวายร้ายแห่งฮ่องกง” คนโฉดผู้เดียวดาย
หากเหอเจียจูบอกว่าตนเองคือสุดยอดดาวร้ายในหนังมาเฟียฮ่องกงอันดับ 2 คงไม่มีใครกล้าขึ้นชั้นอันดับ 1 แน่ๆ
เหอเจียจู เป็นนักแสดงสมทบที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากในวงการภาพยนตร์ฮ่องกง เขาไม่ได้เป็นพระเอกหรือดาราเบอร์ต้น ๆ ที่คนทั่วไปพูดถึง แต่กลับเป็น “ตัวร้าย” ที่ฝังรอยลึกอยู่ในความทรงจำของผู้ชมจำนวนมาก ด้วยรูปร่าง หน้าตา และสายตาที่ดุดัน เขาจึงมักถูกผู้กำกับเลือกให้รับบทเป็นนักเลง หัวหน้าแก๊ง หรือแม้กระทั่งอาชญากรโรคจิตในหนังฮ่องกงยุค 80–90
ภาพจำของเขาที่หลายคนยังคงพูดถึงจนทุกวันนี้ คือบทบาทที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เช่น ฉากทารุณผู้หญิงหรือทรยศหักหลังเพื่อนในแก๊ง ความสมจริงในการแสดงของเหอเจียจูทำให้คนดูเชื่อสนิทใจว่าตัวตนจริง ๆ ของเขาอาจจะเป็นคนร้ายเช่นนั้นจริง ๆ กระทั่งคนในวงการเองก็มักแซวกันว่า เขา “เกิดมาเพื่อเล่นเป็นผู้ร้าย”
เล่นเป็นวายร้ายมากเสียจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “สี่มหาวายร้ายแห่งฮ่องกง” เจ้าตัวเคยยอมรับว่าฉายาดังกล่าวสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขาไม่น้อย
ชีวิตจริงกลับตรงข้ามกับภาพลักษณ์ในหนัง เขาใช้ชีวิตอย่างเดียวดาย ไม่เคยแต่งงาน ไม่มีบุทืายาท ช่วงบั้นปลายชีวิตล้มป่วยจนไร้คนดูแล เงินเก็บเหลือเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญฮ่องกง และสุดท้ายก็เป็นเพื่อนร่วมวงการอย่างโจ ชาร์ลCharles Cho ) ของฮ่องกงที่เข้ามาช่วยจัดการงานศพ
เหอเจียจู เกิดเมื่อปี 1948 ที่ฮ่องกง เติบโตขึ้นมาในครอบครัวธรรมดาสามัญยิ่งนัก บิดามารดาของเขาเป็นชนชั้นกรรมกร เมื่อโตขึ้นเขาเลือกจะสร้างธุรกิจด้วยตนเอง เวลานั้นเขาเห็นคนรอบตัวหลายคนเปิดสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์แล้วทำเงินได้มาก เขาเองจึงคิดจะเปิดหนังสือพิมพ์บ้าง หลังจากยืมเงินจากบิดามารดามาได้แล้ว เขาก็เริ่มเตรียมการจัดตั้งสำนักพิมพ์ ไม่นานนัก สำนักพิมพ์ก็เปิดทำการสำเร็จ เงินทองหลั่งไหลเข้ามา เขากลายเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินนับสิบล้าน
##แต่ชีวิตคนจะเรียบง่ายเกินไป ก็ขาดสีสัน
ชีวิตของเหอเจียจูดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ไม่นานความรุ่งเรืองก็พลันดับสูญ เขาติดการพนันเพราะการยุยงชักชวนของสหาย ตามที่เขาเล่า เพียงเวลา 3 วัน ก็สูญเงินไปกว่า 20 ล้าน เงินมากเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานการผลาญเช่นนี้ได้ สุภาษิตบอกว่าการพนันน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือไม่ยอมตัดขาด เหอเจียจูหวังเอาคืน ครั้งแล้วครั้งเล่าก็พ่ายใจตนเองจากว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็สูญทรัพย์สมบัติไปจนสิ้น สุดท้ายทรัพย์สินทั้งหมดก็หายไปจนหมดสิ้น สำนักพิมพ์ก็ปิดกิจการ ล้มละลาย
อย่างไรก็ตาม เหอเจียจูกลับมีความมั่นใจในตนเอง เขาเชื่อว่าเขายังสามารถสร้างโลกใหม่ของตัวเองได้อีกครั้ง เวลานั้นเองที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงกำลังเบ่งบาน เขาจึงเกิดความคิดอยากเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ด้วยความฉลาดหลักแหลมบวกกับนิสัยขยัน เขาเริ่มจากงานเด็กวิ่งงานเบ็ดเตล็ด จนกลายเป็นโปรดิวเซอร์ นักเขียนบท ผู้กำกับ แล้วต่อมาก็กลายเป็นผู้จัดการดารา โจวเหวินฟะ หลิวเต๋อหัว ต่างก็เคยอยู่ภายใต้การดูแลของเขา
เหอเจียจูเป็นผู้จัดการนักแสดง Talent Agent นี่คือบทบาทที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดวงการบันเทิงอย่างแท้จริง เขาไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดการทั่วไป แต่เป็น ผู้จัดการให้กับวง The Wynners วงดนตรียอดนิยมที่สุดในยุคนั้น ซึ่งมีสมาชิกทั้งอลัน ทัม และเคนนี บี การเป็นผู้จัดการวงระดับนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความน่าเชื่อถือของเขาในวงการ
โจวเหวินฟะเคยประเมินว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก ต่อมาโจวเหวินฟะได้แนะนำเขาให้ผู้กำกับหลินหลิงตงรู้จัก แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดุดัน อีกทั้งยังไม่เคยมีประสบการณ์แสดงมาก่อน แต่ผู้กำกับหลินหลิงตงก็ตัดสินใจเลือกเขามาแสดงในหนังเดือด 2 เดือน หรือ Prison on Fire และเหอเจียจูก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง การแสดงของเขากลับยอดเยี่ยมเกินคาด ใน เขาได้ถ่ายทอดบทสุดยอดวายร้ายหลักของหนังออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Hong Kong Film Awards
..............
#ชีวิตจริงที่เดียวดาย
ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยถึงหนังฮ่องกงยุคทอง ภาพของเหอเจียจูในบทผู้ร้ายเลือดเย็นยังคงถูกพูดถึงอยู่เสมอ ราวกับเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของหนังฮ่องกงแนวอาชญากรรมที่ไม่มีวันเลือนหาย และชื่อของเขาเหอเจียจู ยังคงถูกจดจำในฐานะนักแสดงผู้ทุ่มเท แม้จะไม่เคยสวมบทพระเอก แต่กลับตราตรึงในหัวใจผู้ชมตลอดกาล ในโลกของภาพยนตร์ฮ่องกงชื่อของเหอเจียจวินคือเงามืดที่คอยเสริมให้แสงของพระเอกเปล่งประกาย เขาคือ “ราชาแห่งผู้ร้าย”
เขาแสดงหนังผู้ร้ายมาแล้วกว่าร้อยเรื่อง ทั้ง Final Justice(1988),School on Fire (1988), Dragon in Jail(1990),The Story of Ricky (1991) ที่เขารับบทผู้คุมคุกโหดสะพรึง และอีกมากมาย เขาร่วมงานกับดาราแถวหน้ามากมาย ทั้งโจวเหวินฟะ หลิวเต๋อหัว จางม่านอวี่ จนกระทั่งชื่อของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของยุคทองแห่งภาพยนตร์ฮ่องกง
แต่ชีวิตจริงกลับตรงกันข้ามกับบทบาทในจอ เขาไม่เคยแต่งงาน ไม่มีลูก และช่วงท้ายชีวิตป่วยด้วยโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน จนเสียชีวิตในวันที่ 1 มกราคม 2015 รวมอายุได้ 66 ปี โดยแทบไม่มีเงินเหลือติดบัญชี
ชีวิตของเหอเจียจูเต็มไปด้วยความผันผวน เขาเคยเป็นเศรษฐี เคยสูญเสียทุกอย่างเพราะการพนัน และเลือกจะลุกขึ้นใหม่ด้วยการเป็นนักแสดง แม้เขาจะโดนตราหน้าว่า “วายร้าย” แต่การแสดงของเขากลับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ฮ่องกงยุคนั้นทรงพลังและน่าจดจำ
เรื่องราวของเขาคือเครื่องย้ำเตือนว่ามนุษย์ทุกคนย่อมผิดพลาดได้ แต่ก็สามารถลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เหมือนดั่งวลีที่ใช้สรุปชีวิตของเหอเจียจวินได้ดีที่สุดว่า
จากเศรษฐีสู่นักพนัน จากนักพนันสู่วายร้ายผู้ยิ่งใหญ่บนจอหนัง แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้ทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ฮ่องกง
โฆษณา