5 ก.ย. เวลา 02:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ

อินเดีย: สนามประลองแห่งอนาคตของ Big Tech

ช่วงนี้ นักลงทุนแอบเป็นห่วงอินเดีย หลังถูกกดดันอย่างหนักจากสหรัฐฯ กรณีที่ทรัมป์ต้องการขึ้นภาษีการค้าถึง 50% กับอินเดีย เพื่อกดดันให้อินเดียเลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
แต่เหตุผลเบื้องลึก อาจเป็นเพราะ อินเดีย ยืนยันไม่เปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เสียมากกว่า
แต่สุดท้ายผมมองว่า ความผันผวนในระยะสั้นของตลาดอินเดียช่วงนี้ เป็นโอกาสให้เราทบทวนจุดแข็งของอินเดียจริงๆจังๆ และ เราจะพบว่า ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาสดหุ้นอินเดีย ยังมีอยู่นะครับ
ตอนนี้สำหรับยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Amazon, Google, Microsoft, Meta และ Apple แล้ว อินเดียกำลังจะกลายเป็น "สนามประลองแห่งอนาคต" ที่ใช้ทดลองและขยายธุรกิจจริงจัง
คำถามคือ ทำไมต้องเป็นอินเดีย?
คำตอบอยู่ที่ "กำลังคนและกำลังซื้อ" ที่ใหญ่และเติบโตอย่างก้าวกระโดด อินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสูงสุดในโลก ไม่ว่าจะเป็น Facebook (กว่า 350 ล้านคน), Instagram (กว่า 413 ล้านคน) และ YouTube (กว่า 467 ล้านคน) ขณะที่ WhatsApp ก็มีผู้ใช้ทะลุ 500 ล้านคนไปแล้ว
คุณ Vivek Agarwal ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายระดับโลกจาก Tony Blair Institute for Global Change ชี้ว่า "ในขณะที่การหาผู้ใช้ใหม่ในอเมริกา และยุโรปกำลังจะถึงจุดอิ่มตัว อินเดียกลับมีประชากรกลุ่มใหญ่ที่เป็น 'New User' พร้อมทั้งมีแหล่งรวมบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีอย่างมหาศาล" ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ทุ่มเงินลงทุนไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ OpenAI ที่กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในอินเดีย หลังจากที่ประกาศแผนบริการแบบถูกที่สุดในโลก ที่ราคาเพียง 399 รูปี (ประมาณ 170 บาท) ต่อเดือน สำหรับตลาดอินเดียโดยเฉพาะ
มากกว่าแค่จำนวนผู้ใช้ แต่คือสนามทดลองจริง
อินเดียไม่ได้เป็นแค่ตลาดที่มีคนเยอะเท่านั้น แต่เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่เรียกว่า "การทดสอบในสเกลที่ใหญ่" (test and iterate at scale) ด้วยความหลากหลายและความซับซ้อนของตลาด
ตัวอย่างความสำเร็จที่น่าทึ่งคือ Unified Payment Interface (UPI) ของอินเดีย ซึ่งเป็นระบบชำระเงินดิจิทัลแบบเรียลไทม์ที่พัฒนาขึ้นมาเพียงแค่ 9 ปี แต่ปัจจุบันสามารถรองรับธุรกรรมได้ถึง 640 ล้านครั้งต่อวัน และกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ Google Pay และ PhonePe ของ Walmart เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอินเดีย
แต่การมีจำนวนผู้ใช้มหาศาลก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จเสมอไป!
Meta ที่ทุ่มเงินกว่า 5.7 พันล้านดอลลาร์เข้าซื้อหุ้น 9.9% ใน Jio Platform และพยายามผลักดัน WhatsApp Pay ก็ยังไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้สำเร็จ แม้จะมีฐานผู้ใช้ WhatsApp ในอินเดียที่ใหญ่ถึงกว่า 500 ล้านคนก็ตาม โดยข้อมูลล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 แสดงให้เห็นว่า WhatsApp มีธุรกรรมเพียง 74 ล้านรายการ ในขณะที่ Google Pay มีเกือบ 7 พันล้านรายการ ห่างกันเรียกว่า ฟ้ากับเหว
ความล้มเหลวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า "จำนวนมาก ไม่เท่ากับ ความสำเร็จในทางปฏิบัติ" การจะชนะใจตลาดอินเดียได้ต้องมีมากกว่าแค่ผู้ใช้เยอะ แต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมและความต้องการของคนในประเทศอย่างแท้จริง
มองไปข้างหน้า
แต่เพราะความท้าทายแบบนี้เองที่ทำให้อินเดียกำลังกลายเป็นสนามพิสูจน์ที่การเดิมพันในระยะยาวของ Big Tech เริ่มให้ผลตอบแทนที่มองเห็นได้จริง
นอกจากนี้ อินเดียยังมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์รวมบุคลากรความสามารถระดับโลก หรือ Global Capability Centers (GCCs) ซึ่งมีมากกว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นกว่า 50% ของ GCC ทั้งหมดในโลก ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้เข้ามาลงทุนและขยายธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์จากกำลังคนคุณภาพสูงในอินเดีย
หันไปมองเหล่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยี Big Tech ระดับโลกที่มีเชื้อสายอินเดียสิครับ
Satya Nadella ตำแหน่ง Chairman และ CEO ของ Microsoft
Sundar Pichai ตำแหน่ง CEO ของ Google และบริษัทแม่ Alphabet
Shantanu Narayen ตำแหน่ง CEO ของ Adobe
Arvind Krishna ตำแหน่ง Chairman และ CEO ของ IBM
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า อินเดียไม่ใช่แค่ตลาดขนาดใหญ่ที่น่าสนใจอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็น "ห้องทดลอง" ที่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกต้องเข้ามา "ประลอง" และ "พิสูจน์" ตัวเองให้ได้ หากต้องการก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
Mr.Messenger รายงาน
โฆษณา