6 ก.ย. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ภาษีการรับมรดก กับ ภาษีการรับให้ แตกต่างกันอย่างไร? ต้องเสียภาษีเท่าไหร่?

เมื่อทุกคนมีมรดกก็คงอยากส่งต่อให้ลูกหลานรวมถึงคนที่เรารัก ซึ่งการส่งต่อมรดกของตัวเองนั้นจะมีเรื่องภาษีมาเกี่ยวข้องด้วยนะ ก็คือ ภาษีการรับมรดก กับ ภาษีการรับให้
เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จัก “ภาษีการรับมรดก” และ “ภาษีการรับให้” แตกต่างกันอย่างไร ใครต้องเสียภาษี และเสียภาษีเท่าไหร่ ตามมาอ่านต่อกัน!! เพื่อนจะได้เข้าใจมากขึ้นและวางแผนบริหารภาษีกันได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
“ภาษีการรับมรดก” (Inheritance Tax)
คือ ภาษีที่จัดเก็บจากมูลค่าของทรัพย์มรดกที่ทายาทแต่ละคนได้รับจากกองมรดก ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย และทายาทได้รับทรัพย์สิน (ทรัพย์มรดก) จากกองมรดกของผู้ตาย (เจ้ามรดก)
2
ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ได้แก่
1. อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน
2. หลักทรัพย์ตามกฎหมาย ได้แก่ หุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ต่างๆ ที่ออกโดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนในไทยหรือต่างประเทศ
3. เงินฝากต่างๆ เช่น เงินฝากในบัญชีธนาคาร เงินฝากสหกรณ์
4. ยานพาหนะ ที่มีหลักฐานการจดทะเบียน เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ
5. ทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆ (ที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา)
อัตราภาษี
หากมูลค่าของทรัพย์มรดกสุทธิรวมเกิน 100 ล้านบาท ไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราว จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ผู้ที่ได้รับมรดกเป็นบุพการี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย หรือผู้สืบสันดาน เช่น ลูก หลาน เหลน จะเสียภาษีมรดกอยู่ที่ 5%
- ผู้ที่ได้รับมรดกเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ให้มรดก จะเสียภาษีมรดกอยู่ที่ 10%
ส่วนผู้ที่ได้รับมรดกเป็นสามี/ภรรยา ที่มีการจดทะเบียนสมรส ไม่ต้องเสียภาษีมรดก และถ้ายกมรดกให้หน่วยงานรัฐหรือยกให้แก่สาธารณะประโยชน์ มรดกก้อนนั้นก็จะยกเว้นภาษีมรดกเช่นกัน
ระยะเวลายื่นภาษีการรับมรดก
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก (ภ.ม.60) และชำระภาษีให้เสร็จสิ้นภายใน 150 วัน นับแต่วันที่ได้รับมรดกเกินกว่า 100 ล้านบาท
“ภาษีการรับให้” (Gift Tax)
คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จัดเก็บจากทรัพย์สินที่ให้หรือรับจากการรับให้โดยเสน่หาก่อนผู้ให้เสียชีวิต โดยภาษีการรับให้มีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีการรับมรดก
ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ได้แก่
1. สังหาริมทรัพย์ทุกประเภทที่คำนวณเป็นเงินได้ เช่น เงินสด รถยนต์ ทองคำ เครื่องประดับ เป็นต้น
2. อสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท เช่น บ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง ที่ดิน เป็นต้น
อัตราภาษี
1. กรณีการให้สังหาริมทรัพย์ ผู้ที่ได้รับเงินได้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท (หากได้รับจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส) หรือ 10 ล้านบาท (หากได้รับจากบุคคลอื่น) หรือผู้รับสามารถเลือกที่จะนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้
2. กรณีการให้อสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ (บิดาหรือมารดาที่ให้บุตรชอบด้วยกฎหมาย) เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท หรือผู้โอนสามารถเลือกที่จะนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้
1
ในขณะที่เป็นการให้บุคคลอื่นนอกเหนือจากบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย จะไม่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย ผู้ให้จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราปกติ 5% - 35%
ระยะเวลายื่นภาษีการรับให้
ยื่นด้วยแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
โฆษณา