6 ก.ย. เวลา 07:14 • การเมือง
ทุกวันนี้ผมตั้งใจใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย กลางคืนรับจ๊อบเป็นรปภ.เฝ้าคลังสินค้า กลางวันก็ขับรถส่งของ 3 ที่ รถติดจนหัวร้อน หัวหน้าด่าจนหูชา แต่สุดท้ายก็มี “รอยยิ้ม” เป็นยาสามัญประจำใจ สมชื่อประเทศสยามเมืองยิ้มครับ
1
แต่พอหันไปมองการเมืองไทย
โอ้โห...ยิ่งยิ้มไม่หุบเลย
1
บางทีผมก็แอบคิดนะ พรรคการเมืองก็เหมือนบริษัทที่ผมทำงานนี่แหละ
พรรคแดง = หัวหน้าแผนก ด่าเก่งแต่บางทีก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
1
พรรคส้ม = เพื่อนร่วมงานไฟแรง ดันไปแย่งซีน เอาคะแนนเสียง (เหมือนเวลามันแย่งโอที)
1
พรรคฟ้า/น้ำเงิน = เจ้าของบริษัทตัวจริง กุญแจคลังสินค้าอยู่กับเขาหมด จะอยากแก้รัฐธรรมนูญ แก้ระบบยังไง แม้จะเกลียดเขาขนาดไหนก็ต้องเดินไปขอกุญแจจากเขา
พรรคส้มตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงระบบ แต่ไม่มีรหัสผ่านประตู (ส.ว.) ก็เหมือนผมรอเบิกสินค้าหน้าประตูคลัง แต่ไม่มีบัตรรูดประตู ต้องไปง้อหัวหน้า (พรรคฟ้า) ให้กดเข้าให้ สุดท้ายดีลกันไปดีลกันมา…ก็คือการเมืองสไตล์ไทยแลนด์แดนสไมล์
บางทีเห็นนักการเมืองไทยทะเลาะกัน ดิสเครดิตกัน บอกว่าใครละอ่อน ใครไม่เป็นมืออาชีพ ใครแอบแทงข้างหลัง ผมนี่นั่งขำอยู่ในป้อมรปภ.เลยครับ “เฮ้ย นี่มันยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีกนะ!”
1
แต่ถึงยังไง ประเทศเราก็ยังโฆษณาตัวเองว่า สยามเมืองยิ้ม ผมเลยเลือกที่จะยิ้มไว้ก่อน ต่อให้เจอรถติดแดดร้อน หัวหน้าด่า หรือแม้แต่นักการเมืองเล่นละครเวทีไม่รู้จบ ก็ยิ้ม!
อย่างที่เขาว่าไว้ “ยิ้มไว้ก่อน เดี๋ยวดีเอง"
ยิ่งตอนนี้คุณอนุทินเป็นนายกแล้ว
"ได้ยิ้ม"แน่นอนครับ
1
โฆษณา