4 ก.ย.68 เวลาประมาณ 20.00 น. เนื่องด้วย พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 ทราบว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นหมอใช้ชื่อว่า นพ.มานิตย์ฯ ไปสมัครทำงานกับคลินิกเวชกรรมหลายที่ รักษาคนไข้ทั่วไป หลอกทั้งคนไข้และเจ้าของคลินิก ซึ่งถือเป็นเป็นภัยกับสังคมประเภทมิจฉาชีพที่แสวงหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินแล้ว ยังเสี่ยงต่อการรักษาที่ผิดพลาด อันเป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายและสุขภาพของพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้
พ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งดี รอง ผกก.สส.บก.น.3, ร.ต.อ.นพพนธ์ แก้ววรรณา, ร.ต.อ.ณฐภัทร์ จุ่งพิวัฒน์ รอง สว.กก.สส.บก.น.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.3 ออกสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด โดยมอบหมายให้ ส.ต.ต.ปัณรพัศศ์ ก้อมน้อย ซึ่งจบแพทยศาสตร์บัณฑิต จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แฝงตัวสืบสวนหาข่าวจากกลุ่มต่างๆจนกระทั่งพบว่าบุคคลที่แอบอ้างชื่อ นพ.มานิตย์ฯ คือ นายบุญ (สงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี ซึ่งเคยก่อเหตุปลอมตัวเป็นหมอ และถูกจับดำเนินคดีไปแล้ว 2 ครั้ง ล่าสุดเมื่อประมาณปี 2560 โดยนายบุญมากฯได้ปลอมเอกสารแสดงตัวเป็นหมอเข้ามาทำงานภายในห้องพยาบาลของบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ได้ประมาณ 2 ปี กระทั่งวันที่ 6 ส.ค.62 ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง เข้าจับกุมพร้อมของกลางเป็นสมุดบันทึกผู้มารับบริการที่ห้องพยาบาล และใบบันทึกเวลาของแพทย์ รวมทั้งยาอันตราย 4 รายการ และเอกสารยืนยันจากแพทยสภา จำนวน 1 ชุด นำตัวส่งฟ้องศาลและประกันตัวสู้คดีจนถึงชั้นศาลฎีกา แต่นายบุญมากฯ ไม่ยอมไปฟังคำพิพากษา ซึ่งต่อมาได้มีการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย โดยได้ลงโทษจำคุกจำนวน 1 ปี 2 เดือน โดยนายบุญมากฯ ได้หลบหนี ทางศาลจังหวัดระยองได้ออกหมายจับ ลง 30 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร, ความผิดต่อ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ความผิดต่อ พ.ร.บ.ยา”
ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันที่ 3 ก.ย.68 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สืบทราบว่า นายบุญมากฯ ได้ปลอมเอกสารและปลอมตัวเป็น “นพ.มานิตย์ฯ” ทำงานเป็นหมอพาร์ทไทม์ที่คลินิกย่านลาดพร้าว 48 จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ซอยลาดพร้าว 48 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. พบหน้าห้องตรวจโรคติดรูปนายบุญมากฯแต่ระบุชื่อ “นพ.มานิตย์ฯ” ไว้ เมื่อเข้าตรวจสอบพบนายบุญมากฯกำลังตรวจรักษาคนไข้ที่อยู่ จึงแสดงเข้าตัวขอตรวจค้นพบตรายางและใบประวัติผู้ป่วยของคลินิกลงชื่อ นพ.มานิตย์ฯ เป็นผู้ตรวจรักษาจากการตรวจสอบหลักฐานประจำตัวพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงทำการจับกุมตัวไว้