7 ก.ย. เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

'ดร.เอกนิติ' จากโบรกเกอร์ ทีมสู้วิกฤตต้มยำกุ้ง สู่ขุนคลังคนใหม่

• ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพจากการเป็นโบรกเกอร์ ก่อนจะเปลี่ยนมารับราชการที่กรมสรรพากรด้วยความตั้งใจที่จะรับใช้ประเทศชาติ
• มีประสบการณ์สำคัญในการร่วมทีมแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เข้าใจปัญหาของประเทศอย่างลึกซึ้ง
• เติบโตในสายงานอย่างรวดเร็วและเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในกระทรวงการคลัง เช่น อธิบดีกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และอธิบดีกรมธนารักษ์ รวมถึงเคยเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของธนาคารโลก
• ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ในโควตาคนนอก ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล
ในวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง "นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32" ได้เชิญบุคคลสำคัญ 3 คนเข้าสู่เวทีการเมือง เพื่อเปิดตัวในฐานะว่าที่รัฐมนตรีโควตาคนนอก
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" ที่จะมาดูแลกระทรวงการคลัง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ
หากย้อนกลับไปในอดีต เอกนิติเป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตในครอบครัวที่มีพื้นฐานทางวิชาการอันแข็งแกร่ง เขาคือทายาทคนโตของ "ศ.ดร.อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ" อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ "ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ" อดีตปลัดหญิงสองกระทรวง ความเป็นเลิศทางวิชาการจึงไหลเวียนอยู่ในสายเลือด
ชีวิตนักเรียนของเขาในวชิราวุธวิทยาลัยผ่านไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความสามารถพิเศษของเขาเริ่มเปล่งประกาย เมื่อสามารถจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมในเวลาเพียง 3 ปีครึ่ง ซึ่งเร็วกว่าเพื่อนร่วมรุ่น
ชีวิตส่วนตัวยังเต็มไปด้วยความหลากหลาย เคยเป็นนักรักบี้ฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย และประธานชุมนุมรักบี้ฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความเป็นนักกีฬานี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของการทำงานเป็นทีม และการต่อสู้ไม่ย่อท้อ
(แฟ้มภาพ) เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เมื่อปี 2543
หลังจากเรียนจบ ชีวิตแรกของเด็กจบใหม่อย่างเอกนิติ ได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานจากการเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ ในช่วงนั้น เขาได้สัมผัสกับโลกของการเงินและการลงทุน แต่แล้วบางสิ่งภายในจิตใจของเขาก็เริ่มกระซิบ
การค้นพบตัวเองครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเขาตระหนักว่า สิ่งที่ใจเขาต้องการอย่างแท้จริง ไม่ใช่การเป็น "โบรกเกอร์" ที่ทำงานเพื่อผลกำไร แต่คือการเป็น "ข้าราชการ" ที่รับใช้ประเทศชาติ เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ด้วยการสอบเข้ากรมสรรพากรเป็นนักวิชาการสรรพากรเขตปทุมวัน
ประสบการณ์ในกรมสรรพากรเปิดโลกใหม่ให้ได้เห็น ทั้งความซับซ้อนของระบบภาษี และความสำคัญของการคลังต่อประเทศ แต่ความทะเยอทะยานของหนุ่มคนนี้ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาตัดสินใจลุกขึ้นสู้ในการสอบชิงทุนก.พ. และประสบความสำเร็จตามความตั้งใจ
การเดินทางข้ามมหาสมุทรสู่สหรัฐอเมริกาเปิดบทใหม่ของชีวิต ได้ไปศึกษาปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่ University of Illinois at Urbana-Champaign และต่อด้วยปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระหว่างประเทศที่ Claremont Graduate University ความรู้ระดับโลกที่ได้รับกลายเป็นอาวุธสำคัญในการรับใช้ประเทศชาติ
(แฟ้มภาพ) เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เมื่อสมัยทำงานที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พ.ศ.2550
เอกนิติหอบความรู้ความสามารถจากเมืองนอกกลับสู่บ้านเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับ "วิกฤติต้มยำกุ้ง" นั่นได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่พาเขาเข้าไปทำงานที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และได้สัมผัสกับความรุนแรงของวิกฤติเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
ประสบการณ์ในการร่วมกู้วิกฤติและพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยครั้งนั้น กลายเป็นบทเรียนล้ำค่าที่หล่อหลอมให้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เข้าใจปัญหาของประเทศอย่างลึกซึ้ง
ความสามารถพิเศษของเขาในการวิเคราะห์และพยากรณ์เศรษฐกิจที่แม่นยำ ประกอบกับบุคลิกที่อัธยาศัยดี และความสามารถในการสื่อสารเรื่องเศรษฐกิจที่ซับซ้อนให้ผู้คนเข้าใจได้ง่าย ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งของกระทรวงการคลัง
การเติบโตในสายงานเป็นไปอย่างรวดเร็วเพราะความสามารถและได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา จากตำแหน่งเศรษฐกรซี 3 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ระดับซี 9 ด้วยอายุเพียง 30 กว่าปี ความสำเร็จที่น่าประทับใจนี้ทำให้ได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษกกระทรวงการคลังเพิ่มอีกด้วย
(แฟ้มภาพ) เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ สมัยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2547
แต่การเดินทางยังไม่หยุดเพียงแค่ในประเทศไทย โอกาสระดับนานาชาติเปิดขึ้นเมื่อเขาได้รับเลือกให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประสบการณ์นี้ขยายมุมมองของเขาให้เห็นเศรษฐกิจโลกในมิติที่กว้างขึ้น
หลังจากสั่งสมประสบการณ์ระดับโลกแล้ว กลับมาสู่ประเทศไทยและเริ่มก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญต่างๆ ตั้งแต่ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ จนถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ในปัจจุบัน
(แฟ้มภาพ) เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ สมัยเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต ขึ้นเวที Net Zero ของฐานเศรษฐกืจเมื่อปี 2023
ผลงานเด่นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการบริหารองค์กร เพราะนำระบบดิจิทัลมายกระดับการบริการของกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต จนได้รับรางวัลระดับนานาชาติ ทั้งยังผลักดันให้กรมสรรพสามิตเป็นกรม ESG และส่งเสริมนโยบายภาษีคาร์บอน และยังริเริ่ม PPP Fast Track ที่ช่วยลดเวลาการอนุมัติโครงการลงทุนจาก 2 ปี เหลือเพียง 9 เดือน
การจัดตั้งกองทุน Thailand Future Fund ที่เป็นแหล่งระดมทุนใหม่ของภาครัฐ การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจด้วยระบบ Skill Matrix และการออกแบบระบบวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคให้กระทรวงการคลัง ล้วนเป็นผลงานที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของเขา
ผลงานทางวิชาการของเอกนิติขยายไปถึงการเป็นอาจารย์พิเศษในหลายมหาวิทยาลัย รวมถึงการเขียนหนังสือ "โดมิโน เอฟเฟคต์" และการตีพิมพ์บทความวิชาการระดับนานาชาติ รางวัลต่างๆ ที่เขาได้รับ ตั้งแต่รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น รางวัลนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่ง จนถึงรางวัลนักเศรษฐศาสตร์ดีเด่น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นเลิศ
ภาพลิขสิทธิ์ - เนชั่นโฟโต้ nationgroup
เมื่อนายอนุทิน เชิญเขาขึ้นมาเปิดตัวในฐานะว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นับเป็นการเดินทางครึ่งชีวิตของหนุ่มที่เคยเป็นโบรกเกอร์คนนั้น กำลังจะก้าวเข้าสู่บทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตในฐานะขุนคลังของประเทศไทย
โฆษณา