7 ก.ย. เวลา 02:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ยุคใหม่ตลาดหุ้นไทย: เมื่อ 'ผลงาน' สำคัญกว่า 'นโยบาย'

ถอดรหัส 'ครม. อนุทิน' ที่นักลงทุนต้องอ่านให้ขาด
บทเริ่มต้น: ตลาดหุ้น "เบื่อ" คำสัญญา
เป็นเวลานานหลายปีที่ตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนด้วย "ความหวัง" และ "คำสัญญา" ทางการเมือง แต่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้กลับเลือนราง วันนี้ นักลงทุนไม่ได้กำลังมองหา "นักพูด" หรือ "นักอุดมการณ์" อีกต่อไป แต่กำลังโหยหา "นักปฏิบัติ" (The Executor)
การมาถึงของรัฐบาลคุณอนุทิน ชาญวีรกูล จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตัวผู้นำ แต่คือการเปลี่ยน "ตัวชี้วัด" ของตลาดโดยสิ้นเชิง บทพิสูจน์ของรัฐบาลชุดนี้จะไม่ได้อยู่ที่นโยบายที่สวยหรู แต่อยู่ที่ความสามารถในการ "ลงมือทำ" ให้เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
The Litmus Test: 3 จุดวัดใจชี้ชะตารัฐบาล
แทนที่จะวิเคราะห์ทุกกระทรวง เราจะโฟกัสไปที่ 3 ตำแหน่งซึ่งเป็น "บททดสอบ" ที่ชัดเจนที่สุดของความสามารถในการ "ลงมือทำ"
กระทรวงคมนาคม: "หน่วยทะลวงคอขวด"
โจทย์ไม่ใช่การคิดโครงการใหม่ แต่คือการ "ปลดล็อก" เมกะโปรเจกต์ที่ค้างท่ออยู่ให้เดินหน้าต่อได้จริง นี่คือตัวชี้วัดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่สุด หากรถไฟฟ้าสายใหม่เริ่มตอกเสาเข็ม, โครงการขยายสนามบินเริ่มมีการประมูล... นั่นคือสัญญาณ "ซื้อ" ที่ดังกว่าคำแถลงนโยบายใดๆ และนี่คือสมรภูมิที่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างทั้งแผง ไม่ใช่แค่ STEC แต่รวมถึง CK (ช.การช่าง) และ ITD (อิตาเลียนไทย) กำลังรอคอย "สัญญาณสั่งลุย" ครั้งประวัติศาสตร์
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI): "ทีมเซลส์ของประเทศ"
ในยุคที่บริษัททั่วโลกกำลังย้ายฐานการผลิตออกจากจีน (China+1) นี่คือโอกาสทองของประเทศไทย แต่โอกาสจะกลายเป็นอากาศหากไม่มี "ทีมเซลส์" ที่แข็งแกร่งพอจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ได้จริง ตัวชี้วัดไม่ใช่จำนวนการ "โรดโชว์" แต่คือ "ตัวเลข FDI" ที่ประกาศออกมาเป็นรายไตรมาส นี่คือบทพิสูจน์ว่าโลกลงทุนยังเชื่อมั่นในประเทศไทยอยู่หรือไม่ และจะส่งผลโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมอย่าง WHA และ AMATA
กระทรวงการคลัง: "ห้องเครื่องยนต์ของประเทศ"
โจทย์ไม่ใช่แค่การบริหารหนี้ แต่คือการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้นักลงทุนทั้งในและต่างชาติ การแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติ "น่าเชื่อถือ" และเป็นที่ยอมรับในแวดวงการเงินเข้ามาคุมกระเป๋าเงินของประเทศ คือการส่งสารที่ทรงพลังที่สุดว่ารัฐบาลนี้ "เอาจริง" กับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
หุ้นการเมืองที่แท้จริง: ไม่ใช่หุ้นของใคร แต่คือหุ้นของ "คนไทย"
คนส่วนใหญ่มองว่า STEC คือ "หุ้นการเมือง" แต่นั่นอาจเป็นมุมมองที่ตื้นเกินไป
แก่นแท้ของรัฐบาลชุดนี้คือการเป็นรัฐบาลของ "นักธุรกิจ" และ "ผู้มีอิทธิพลในหัวเมืองใหญ่" ที่เติบโตมาจากเศรษฐกิจระดับจังหวัด ดังนั้น "หุ้นการเมือง" ที่แท้จริงในยุคนี้อาจไม่ใช่หุ้นที่เชื่อมโยงกับใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือ "หุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play)" ทั้งหมด
หากรัฐบาลชุดนี้ทำสำเร็จในการกระตุ้น "เศรษฐกิจฐานราก" และ "กำลังซื้อของคนต่างจังหวัด" ผู้ที่จะได้รับประโยชน์เต็มๆ คือหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL (7-Eleven), CPAXT (Makro/Lotus's), กลุ่มการเงินที่เจาะลูกค้ารายย่อยอย่าง TIDLOR (เงินติดล้อ), และกลุ่มโรงแรมที่เน้นตลาดในประเทศอย่าง CENTEL และ ERW (เอราวัณ กรุ๊ป) นี่คือการเดิมพันกับ "ความสำเร็จของนโยบาย" ไม่ใช่ "ความสัมพันธ์ส่วนตัว"
#ModamansTake
ยุคสมัยของการวิเคราะห์การเมืองผ่าน "สีเสื้อ" หรือ "อุดมการณ์" ได้จบลงแล้ว สำหรับนักลงทุน ยุคใหม่นี้มีแค่คำว่า "ผลงาน" เท่านั้น
อีก 4 ปีข้างหน้า นักลงทุนที่ชาญฉลาดจะไม่ใช่คนที่นั่งฟังการอภิปรายในสภาฯ แต่คือคนที่จะลุกออกไปนับ "จำนวนเครน" ที่กำลังก่อสร้าง และ "จำนวนคน" ที่เดินจับจ่ายในห้างสรรพสินค้า
เพราะในยุคที่ทุกคนเบื่อคำพูด "ผลลัพธ์ที่จับต้องได้" คือความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่มีค่าครับ
#ModamanInvestor #การเมืองไทย #หุ้นการเมือง #อนุทิน #ครมใหม่ #วิเคราะห์หุ้น #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #STEC #CPALL #TIDLOR #WHA
โฆษณา