9 ก.ย. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กว่าจะเป็น “WHOOP” สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ไอเทมที่นักกีฬาอาชีพยังต้องใช้

เปิดประวัติ “WHOOP” แบรนด์สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ไอเทมยอดนิยมของสายรักสุขภาพ ที่แพร่หลายจากนักกีฬาอาชีพมาสู่คนทั่วไป
เป็นที่ทราบกันดีว่า เทรนด์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเติบโตและได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน หลายคนมักต้องมีแกดเจ็ตดูแลสุขภาพติดตัว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มนาฬิกาเพื่อสุขภาพหรือกำไลอัจฉริยะ
กำไลอัจฉริยะสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น ติดตามกิจกรรมและการออกกำลังกาย บันทึกจำนวนก้าว ระยะทาง และการเผาผลาญพลังงาน ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ การนอนหลับ และบางรุ่นอาจบันทึกข้อมูลทางการแพทย์สำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย
สายรัดข้อมือ WHOOP ไอเทมยอดฮิตสำหรับคนรักสุขภาพ
อีกหนึ่งไอเทมสุขภาพที่กำลังเป็นกระแสในสังคมไทยคือ “WHOOP” (วูป) หรือแบรนด์สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่เน้นการติดตามข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพ เป็นอุปกรณ์ที่แตกต่างจากสมาร์ตวอตช์ทั่วไปตรงที่ไม่มีหน้าจอ ไม่มีปุ่ม และไม่มีการแจ้งเตือน
ความนิยมของ WHOOP ทำให้ในเวลาไม่ถึง 10 ปี บริษัทกลับมีมูลค่าทางธุรกิจสูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.16 แสนล้านบาท) ณ ปี 2021
จากผลิตภัณฑ์เด็กจบใหม่ สู่อาณาจักรเพื่อสุขภาพ
จุดเริ่มต้นของ WHOOP ต้องย้อนไปในปี 2010 เมื่อ “วิล อาห์เหม็ด” นักศึกษาและนักกีฬามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า การฝึกซ้อมส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ เขามีแนวโน้มที่จะฝึกซ้อมมากเกินไป นอนไม่เพียงพอ และไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นตัว อาห์เหม็ดจึงอยากรู้ว่า เขากำลังฝึกซ้อมมากเกินไปหรือไม่ หรือกำลังอยู่ในช่วงพีค หรือกำลังจะได้รับบาดเจ็บ แม้จะมีโค้ชและคำแนะนำระดับสูง
หลังจากอ่านเอกสารทางการแพทย์ไปกว่า 500 ฉบับในระหว่างเรียน เขาพบว่า การติดตามตัวชี้วัดสำคัญ ๆ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจและความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่ได้ช่วยแค่เพิ่มประสิทธิภาพการฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น และใช้ชีวิตได้ดีขึ้นอีกด้วย
นั่นทำให้ในปี 2012 หลังจากสำเร็จการศึกษา อาห์เหม็ดตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเองเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้นักกีฬามองเห็นสมรรถภาพและการพักผ่อนของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “WHOOP” ซึ่งเป็นคำที่อาห์เหม็ดมักพูดติดปากก่อนการแข่งขันใหญ่ ๆ ในมหาวิทยาลัย
อาห์เหม็ดได้จับมือกับ จอห์น คาโปดิลูโป ซึ่งขณะนั้นกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมองหาผู้ที่จะมาช่วยพัฒนาต้นแบบฮาร์ดแวร์สำหรับ WHOOP และคาโปดิลูโปได้แนะนำ ออเรเลียน นิโคเล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก่อนจะร่วมกันพัฒนาต้นแบบ WHOOP ขึ้นมาที่ Harvard Innovation Lab
สายรัดข้อมือรุ่นแรก WHOOP 1.0 เปิดตัวในปี 2015 ในช่วงเริ่มต้น พวกเขาพยายามให้นักกีฬามืออาชีพได้ใช้ WHOOP โดยพรีเซนต์ผลิตภัณฑ์ในฐานะแกดเจ็ตแรกที่มีฟังก์ชันติดตามการนอนหลับและการฟื้นตัว
ทีมงานสามารถดึงดูดนักกีฬาระดับโลกอย่าง “เลอบรอน เจมส์” นักบาสเกตบอล และ “ไมเคิล เฟลป์ส” นักว่ายน้ำ ให้เป็นหนึ่งในผู้ใช้ WHOOP ร้อยคนแรก ซึ่งช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งต่อคนทั่วไปและนักลงทุน
วิล อาห์เหม็ด ผู้ก่อตั้ง WHOOP
จากผลิตภัณฑ์เพื่อนักกีฬา สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อทุกคน
อาห์เหม็ดเคยบอกในรายการพอดแคสต์ว่า “ภารกิจของ WHOOP คือเพื่อปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์ เราเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพภายในที่คุณสามารถดึงออกมาใช้ได้ หากคุณเข้าใจร่างกายและพฤติกรรมของตัวเองได้ดีขึ้น เราได้สร้างเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการวิเคราะห์ที่ออกแบบมาเพื่อทำความเข้าใจคุณอย่างต่อเนื่อง”
เมื่อถามถึงจุดแข็งของ WHOOP ที่เหนือกว่าคู่แข่ง อาห์เหม็ดบอกว่า “เรารวบรวมข้อมูลได้มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาด เรารวบรวมข้อมูลประมาณ 50-100 เมกะไบต์ต่อวัน และเราสุ่มตัวอย่างข้อมูลมากกว่า FitBit หรือ Apple Watch ประมาณ 1,000-10,000 เท่า”
เขาบอกว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะมีต้นกำเนิดมาจากกีฬาอาชีพจริง ๆ
“เราเริ่มต้นทำงานกับนักกีฬาที่ดีที่สุดในโลกตั้งแต่ผลิตภัณฑ์แรกออกสู่ตลาด 2 ใน 100 คนแรกที่ผู้ใช้ของเราคือ เลอบรอน เจมส์ และไมเคิล เฟลป์ส เราร่วมมือกับสมาคมผู้เล่น NFL เราจึงได้รับการจัดจำหน่ายให้กับผู้เล่นทุกคนใน NFL เราเป็นอุปกรณ์สวมใส่เจ้าแรกที่ได้รับการอนุมัติในเมเจอร์ลีกเบสบอล เราได้ร่วมงานกับบุคคลที่น่าทึ่งอย่างหน่วยซีลของกองทัพเรือ จนเมื่อเวลาผ่านไป เราได้พัฒนา WHOOP ให้เป็นแบรนด์ผู้บริโภค”
อาห์เหม็ดเล่าว่า ช่วง 12 เดือนแรกหลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ เขาพยายามระดมทุนจากนักลงทุน แต่ล้มเหลวตลอด เขาจึงพยายามมองหานักกีฬาชื่อดังแทน ด้วยการแนะนำ WHOOP ให้กับเทรนเนอร์ส่วนตัวของพวกเขา
“ถ้าเราสามารถให้นักกีฬาระดับซูเปอร์อีลีทสวมใส่และได้รับคุณค่าอย่างแท้จริงจาก WHOOP เราก็อาจสร้างแบรนด์ที่เน้นประสิทธิภาพโดยรวมได้ แบรนด์นี้จะพาเราเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค และหวังว่าสักวันหนึ่งจะช่วยสร้างธุรกิจผู้บริโภคขนาดใหญ่ได้” อาห์เหม็ดกล่าว
เขาเสริมว่า “มีข้อดีที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจนักในตอนนั้น นั่นคือการเริ่มต้นด้วยตลาดที่ค่อนข้างเล็ก แต่เป็นตลาดที่อาจตกหลุมรักผลิตภัณฑ์ของคุณ และต้องอดทนกับบางสิ่งที่ในช่วงแรก ๆ ไม่ค่อยได้ผล”
อาห์เหม็ดบอกว่า แม้แต่เขาเองยังไม่คิดว่า WHOOP ซึ่งเดิมทีเป็นอุปกรณ์สวมใส่สำหรับกีฬาระดับไฮเอนด์จะกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนจำนวนมากพบว่ามีคุณค่าในการทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาดีขึ้น
เขากล่าวว่า เป้าหมายของ WHOOP คือ “การทำให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยพยายามก้าวไปข้างหน้ามากกว่าคุณหนึ่งก้าว แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งในทางกลับกันจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน”
WHOOP วัดพฤติกรรมและตัวชี้วัดต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของคุณ เช่น การนอนหลับ ความเครียด การฟื้นตัว และอื่น ๆ เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่า ตัวชี้วัดเหล่านี้มีบทบาทเชื่อมโยงกันอย่างไรกับความรู้สึกของคุณ และทุกสิ่งที่ WHOOP วัดได้นั้นได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ส่งผลกระทบสูงสุดต่อประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายคุณ และกลายเป็นจุดขายสำคัญ
ประสิทธิภาพของ WHOOP ที่ได้รับการยอมรับจากนักกีฬาอาชีพ ขยายวงไปสู่ผู้ใช้ทั่วไป และทำให้บริษัทสามารถระดมทุน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.5 พันล้านบาท) จากกองทุนร่วมลงทุน SoftBank ในเดือน ส.ค. 2021 และนักลงทุกรายอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ได้แก่ IVP, สมาคมผู้เล่น NFL และนักกีฬาอย่าง เควิน ดูแรนต์, แพทริก มาโฮมส์, รอรี แม็กอิลรอย, อีไล แมนนิง และแลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ ทำให้บริษัทมีมูลค่าธุรกิจ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.16 แสนล้านบาท)
WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่เน้นการติดตามข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพ
เคล็ดลับความสำเร็จ
ความสำเร็จของ WHOOP นั้นเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งเรื่องของการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสำหรับนักกีฬาอาชีพโดยเฉพาะแล้วค่อยขยายตลาดเข้าสู่ผู้ใช้ทั่วไปนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ท้าทายแต่ให้ผลลัพธ็ที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
WHOOP ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินหลายล้านเพื่อการรับรองอย่างเป็นทางการ อุปกรณ์สวมใส่ได้รับความสนใจจากสื่อต่าง ๆ มากมาย เพียงแค่กลายเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ขาดไม่ได้สำหรับการฝึกซ้อมและในสนาม
การปรากฏบนข้อมือของนักกีฬาระดับโลก ทำให้ WHOOP ได้รับความน่าเชื่อถือโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องอาศัยการโปรโมตจากข้อตกลงหรือแคมเปญโฆษณาอย่างเป็นทางการของแบรนด์ สิ่งนี้ทำให้ WHOOP ประสบความสำเร็จในปี 2015 เมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการสู่สาธารณะ
ขณะเดียวกัน เมื่อ WHOOP เติบโตขึ้น อาห์เหม็ดพยายามสร้างสมดุลระหว่างความต้องการในปัจจุบันของบริษัทกับวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตอยู่เสมอ แม้กระทั่งในช่วงการสร้างต้นแบบ เขาก็ต้องแสดงให้นักลงทุนเห็นว่า ฮาร์ดแวร์สามารถบันทึกข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันก็ยังคงจินตนาการถึงเวอร์ชันอนาคตที่สวยงามและเป็นมิตรกับผู้บริโภคมากขึ้น
การผลิตฮาร์ดแวร์อาจยากกว่าซอฟต์แวร์มาก และนักลงทุนหลายรายแนะนำให้อาห์เหม็ดมุ่งเน้นไปที่ซอฟต์แวร์แทน
เมื่ออุปกรณ์สวมใส่ที่ทันสมัยกว่าอย่าง Apple Watch ได้รับความนิยม WHOOP ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่จากสายรัดข้อมือเป็นสายรัดข้อมือที่มีหน้าจอหรือฟังก์ชันการทำงานแบบมัลติฟังก์ชัน
แต่ในที่สุด อาห์เหม็ดและทีมงานก็เลือกที่จะยึดติดกับฮาร์ดแวร์แบบเดิม คือเป็นสายรัดที่ไม่มีหน้าจอหรือปุ่ม แต่มุ่งเน้นซอฟต์แวร์และหาวิธีใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เช่น เครื่องชาร์จแบบแยกส่วนที่ช่วยให้สามารถสวมสายรัดข้อมือขณะชาร์จได้ ซึ่งช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทำให้ง่ายในการสวมใส่มากขึ้น จนแม้แต่ตอนนอนก็สวมใส่ได้
จังหวะเวลาของการเกิดขึ้นของ WHOOP เองถือว่ามีส่วนสำคัญต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์
ตลาดอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกาย/สุขภาพทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าสูงถึง 6.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.97 ล้านล้านบาท) ในปี 2024 เพียงปีเดียว และคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะสูงถึง 1.92 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.2 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นผลมาจากความตระหนักรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับคุณค่าของการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น และประชาชนให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจมากขึ้นหลังจากการระบาดของโควิด-19 เทคโนโลยีแบบสวมใส่ได้จึงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ และจะยังคงเติบโตต่อไปในทศวรรษหน้า
จุดเด่นของ WHOOP ยังอยู่ที่ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริง และภาพรวมผลการดำเนินงานเฉพาะบุคคล การมุ่งเน้นที่ข้อมูลนี้เองที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้
หากพิจารณากลยุทธ์คอนเทนต์ของแบรนด์อย่างละเอียด จะพบว่าคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ของพวกเขาผสานรวมเรื่องราวข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจให้กลายเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ให้กับทั้งผู้ใช้ WHOOP และผู้ที่อาจไม่ได้รู้จักแบรนด์
WHOOP แตกต่างจากสมาร์ตวอตช์ทั่วไปตรงที่ไม่มีหน้าจอ ไม่มีปุ่ม และไม่มีการแจ้งเตือน
โมเดลรายได้ที่ไม่เหมือนใคร
กลยุทธ์การกำหนดราคาของ WHOOP มีจุดแข็งบางประการที่ทำให้แบรนด์นี้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
ประการแรกและสำคัญที่สุดคือ WHOOP มอบฮาร์ดแวร์ให้ฟรี ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด สายรัดข้อมือของแบรนด์จะรวมอยู่ใน “ราคาสมาชิก” แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับฮาร์ดแวร์ ซึ่งต่างจากอุปกรณ์สวมใส่อื่น ๆ ในท้องตลาด
ปัจจัยที่สอง คือรูปแบบการสมัครสมาชิกของ WHOOP ซึ่งพวกเขาตั้งใจเปลี่ยนมาใช้ในปี 2018 ซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์สวมใส่ส่วนใหญ่ที่ต้องซื้อฮาร์ดแวร์เพียงครั้งเดียว WHOOP มอบฮาร์ดแวร์ให้ฟรีและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสมาชิกรายเดือนจากผู้ใช้เพื่อเข้าใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์สุขภาพ
WHOOP ได้ลดอุปสรรคในการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ที่อาจลังเลที่จะจ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์เพื่อซื้ออุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ WHOOP นำเสนอได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายผูกมัดที่สูงเกินไป ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจมากขึ้น ตัดสินใจเข้าร่วม WHOOP ได้ง่ายขึ้น และมูลค่าการใช้งาน (LTV) ของผู้ใช้ก็สูงขึ้น
เรื่องนี้เน้นย้ำถึงการวางตำแหน่งของ WHOOP ในฐานะ “บริษัทข้อมูลและซอฟต์แวร์” ไม่ใช่บริษัทฮาร์ดแวร์
ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของ WHOOP คือความแม่นยำของข้อมูลมาโดยตลอด และสำหรับผู้ใช้ที่เน้นประสิทธิภาพที่พวกเขาให้ความสำคัญ ระดับความแม่นยำและความลึกของข้อมูลมีความสำคัญมากกว่าตัวฮาร์ดแวร์เอง
ปัจจุบัน อาห์เหม็ดดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทและนิโคเลดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมเครื่องกล ส่วนคาโปดิลูโปดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีจนถึงปี 2022 ซึ่ง WHOOP ได้จ้าง เจมี เวย์โด ซึ่งเคยทำงานที่ Waymo และ Apple มาดำรงตำแหน่งแทน
นี่คือเส้นทางการเติบโตอันน่ามหัศจรรย์ของ WHOOP ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้...
ประวัติธุรกิจ WHOOP
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/256444
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา