9 ก.ย. เวลา 11:03 • การเมือง
เวลามีคนออกมาชื่นชมว่านายก อนุทินใจกว้าง เสียสละโควต้าพรรค เปิดทางให้คนนอกเข้ามาเป็นรัฐมนตรี จริงๆแล้วเราต้องย้อนกลับไปดูที่มาของตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้ก่อน ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใครเสียสละหรือใจกว้างอะไร แต่เพราะพรรคส้มซึ่งชนะเลือกตั้งอันดับหนึ่งถูกกันออกด้วยกลไกและเงื่อนไขพิเศษ พรรคแดงก็ถูกปฏิเสธการร่วมมือจากพรรคส้มเพราะประวัติศาสตร์และความต่างทางอุดมการณ์ สุดท้ายพรรคส้มจึงเลือกให้อานุทินขึ้นมาเป็นนายกฯ ด้วยเหตุผลว่าถือเป็นทางเลือกที่เลวน้อยกว่า ไม่ใช่เพราะคุณงามความดีส่วนตัวอะไรเลย
ส่วนการอ้างว่าเสียสละโควต้าพรรคให้คนนอกก็เป็นแค่กลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดูดีขึ้นในสายตานักลงทุน ภาคธุรกิจ หรือสังคมบางส่วน แต่ไม่ได้หมายความว่าการเมืองเชิงระบบถูกแก้ไข เพราะความจริงยังสะท้อนอยู่ว่าเก้าอี้รัฐมนตรีและอำนาจยังเกิดจากการดีลและการจัดตั้ง ไม่ใช่เจตจำนงตรงๆ ของประชาชน
หลายคนชอบเปรียบเทียบกับยุคพลเอกเปรมที่เน้นคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยงาน แต่บริบทมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะยุคเปรมเป็นกึ่งประชาธิปไตยที่นายกฯ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตรง คนเลยเข้าใจได้ว่าต้องใช้คนนอกมาช่วย แต่ยุคอนุทินเกิดจากการเลือกตั้งที่ประชาชนคาดหวังว่าผลคะแนนจะสะท้อนเป็นรัฐบาลจริงๆ ดังนั้นการอ้างแบบเดียวกันจึงไม่ตรงนัก
การมีคนนอกเก่งๆ เข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรีมันอาจช่วยเรื่องความเชื่อมั่นได้บ้าง แต่ท้ายที่สุดถ้าโครงสร้างทางการเมืองยังบิดเบี้ยว ยังเป็นระบบที่เสียงข้างมากไม่อาจกำหนดรัฐบาลได้จริง ประชาชนก็ยังคงติดอยู่ในวังวนเดิมต่อไป
ก็ทำให้ดีครับ ยังมีเวลาพิสูจน์ ถ้าทำดีจะได้คะแนนเสียงเพิ่มกลับมาเพื่อสู้กับพรรคส้มในสมัยหน้า ถ้าดีจริงคนจะเลือกแน่นอนครับ
แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อยืนอยู่ข้างอำนาจ ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะอย่างไรเสียก็มีกลไกรัฐธรรมนูญและรัฐประหารที่เป็นด่านสุดท้ายในการคัดคนเข้าไปในสภาอยู่ดี 🤣
โฆษณา