Phillips Kothler บิดาแห่ง 4 P
ได้ออกมาพูดย้ำเรื่องนี้อีกรอบ คือ หมดยุคการตลาดแบบMass marketing จะเป็นการตลาดแบบจริงใจ ลูกทุ่ง ซื่อๆ ให้โฆษณา ไม่ใช่โฆษณา
ผู้บริโภค / ลูกค้า ขอ 3 R. ”Real“
“Raw”
“Relevant”
>>>> Brand vibe <<<< ตย. ที่ชัดคือ La glace ,
Rally movement Bag
การตลาดหลังปี 2025 เปลี่ยนไปดังนี้
1. การตลาดเปลี่ยนสู่ยุค "Tribe" หรือ "Community"
* เปลี่ยนจาก Mass Marketing สู่ Audience Identity: วิดีโอชี้ให้เห็นว่าการตลาดแบบเดิมที่เน้นการใช้ข้อมูลประชากร (Demographic) เช่น เพศ อายุ รายได้ เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ในยุคนี้ผู้บริโภคจะถูกแบ่งตาม อัตลักษณ์ (Identity) และความชอบร่วมกัน เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพ กลุ่มคนรักสัตว์ หรือกลุ่มนักเดินทาง ซึ่งแบรนด์จะต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจใน “ตัวตน” ของคนกลุ่มนี้ให้ชัดเจน
* สร้างวัฒนธรรมของแบรนด์: การตลาดในยุคนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การขายสินค้า แต่เป็นการสร้าง วัฒนธรรม (Culture) ที่แข็งแกร่งให้กับกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์อย่าง Farose ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น “Nerd” ได้อย่างตรงจุด ทำให้เกิดฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น หรือ LVMH ที่สร้างตัวเองให้เป็น “แบรนด์วัฒนธรรม” ของโลกได้สำเร็จ
2. การตลาดต้องมีความ "จริงใจ" (Authenticity)
* ยุคแห่งการเล่าเรื่องจริง: วิดีโออธิบายว่าโฆษณาแบบเดิมที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการความ จริงใจ (Real) ความ ดิบ (Raw) และความ เกี่ยวข้อง (Relevant) จากแบรนด์
* บทบาทของ Influencer และ Creator: ผู้คนเชื่อถือคนที่ได้ลองใช้สินค้าจริงมากกว่าดาราหรือโฆษณาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้การตลาดผ่าน อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) และ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Creator) มีบทบาทสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน
* แบรนด์นำโดยผู้ก่อตั้ง: แบรนด์ใหม่ๆ จำนวนมากเริ่มใช้ผู้ก่อตั้งเป็นคนเล่าเรื่องราวเบื้องหลัง ความมุ่งมั่น และเป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและรู้สึกผูกพันกับแบรนด์ได้ง่ายกว่า
3. การค้าแบบใหม่ในโลกโซเชียล (New Commerce Model)
* Social, Live และ Direct: รูปแบบการค้าแบบดั้งเดิมที่ต้องมีหน้าร้านหรือคลังสินค้าขนาดใหญ่เริ่มลดบทบาทลง ผู้ขายหันมาใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok Shop เพื่อขายสินค้าผ่าน Live Commerce และ Affiliate Marketing ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าและเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง
* การปรับตัวของแบรนด์ใหญ่: แบรนด์ที่เคยขายผ่านเว็บไซต์หรือหน้าร้านเริ่มปรับตัวโดยใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงลูกค้า และใช้หน้าร้านเป็นเพียงส่วนเสริมเพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง
4. สรุปแนวทางที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว (5 Key Takeaways)
* ปรับตำแหน่งแบรนด์ (Reposition/Rebuild brand): สร้างตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน เพื่อให้โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง
* เข้าใจกลุ่มลูกค้าแบบ "Tribe": ทำความเข้าใจความเชื่อ ค่านิยม และวัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง
* ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือเล่าเรื่อง: เน้นการสร้างเรื่องราวที่เข้าถึงและ "ได้ใจ" ผู้บริโภค ไม่ใช่แค่การขายของ
* เรียนรู้จากแบรนด์จีน: อย่ามองแบรนด์จีนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเพียงอย่างเดียว แต่ให้เรียนรู้จุดแข็งของพวกเขา และมองหาช่องว่างที่แบรนด์เราสามารถเข้าไปสร้างความแตกต่างได้
* กล้าที่จะทดลองและปรับเปลี่ยน (Test and Learn): โลกธุรกิจและการตลาดเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การวางแผนระยะยาวอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องพร้อมที่จะลงมือทำ ทดลอง และปรับปรุงอยู่เสมอ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
