10 ก.ย. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณ รับมือเศรษฐกิจไม่แน่นอน – เกษียณเร็วกว่าคาด

5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณ รับมือเศรษฐกิจไม่แน่นอน – เกษียณเร็วกว่าคาด
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และหลายหน่วยงานเริ่มมีแนวคิดเลิกจ้างงานก่อนพนักงานอายุ 60 ปีนั้น ธนาคารทิสโก้ แนะนำ คนไทยเพิ่มความเข้มข้นของการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ 5 กลยุทธ์ คือ
1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณมีความสำคัญมาก
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
เพราะเป็น “เข็มทิศ” ที่ช่วยให้วางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงทาง สิ่งที่ต้องเตรียมคือ อายุที่คาดว่าจะเกษียณ ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ คาดว่าจะมีอายุขัยกี่ปีและนำอัตราผลตอบแทนการลงทุนในช่วงหลังเกษียณหลังหักเงินเฟ้อเข้ามาคำนวนเพื่อหาเป้าหมายเงินก้อนก่อนเกษียณ ขั้นตอนนี้สามารถใช้โปรแกรมวางแผนการเงินช่วยคำนวนได้
2. สร้างหลายแหล่งรายได้
นอกจากเงินก้อนที่ต้องเตรียมไว้ก่อนเกษียณแล้ว พนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ และคนไทยส่วนใหญ่มักจะมีแหล่งรายได้ที่เป็นกระแสเงินสดหลังเกษียณจากช่องทางต่างๆ เช่น เงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม เงินบำนาญของข้าราชการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้นเป็นหลักประกันความมั่นคงหลังเกษียณอาจพิจารณาทำประกันบำนาญเพิ่มความมั่นคง เป็นกองหลังที่ช่วยหนุนกระแสเงินสดที่แน่นอนในช่วงวัยเกษียณ
3.กระจายการลงทุน (Diversification)
ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณ โดยอาจเพิ่มการลงทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนโดยให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ ส่วนการลงทุนในหุ้นที่เป็นการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหลักเพราะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงประมาณ 8-10% ต่อปี โดยอาจลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และยังรวมถึงเงินลงทุนอื่นๆ ที่ใช้สำหรับการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ
เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว อีกทั้ง ยังสามารถแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ เพราะมีอัตราการเติบโตในระยะยาวที่ค่อนข้างดี เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยป้องกันความเสี่ยงในยามวิกฤตเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาวอีกด้วย
4. ปรับพอร์ตตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ
แนวทางแบบง่าย คือ “120 ลบอายุ = สัดส่วนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ควรลงทุน” เช่น อายุ 40 ปี ควรมีหุ้นประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้และเงินสด แต่เมื่อใกล้เกษียณควรลดหุ้นเหลือเพียง 30 – 40% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
5. ประกันสุขภาพ: กลไกเสริมสร้างความมั่นคง
ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบเงินออมหลังเกษียณ การจัดสรรแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม และกันเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกัน จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและรักษาคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา