Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปเศรษฐกิจ “เนปาล” แย่แค่ไหน ? คนถึงออกมาประท้วงกัน
การประท้วงในเนปาล จากความไม่พอใจของชาว Gen Z เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
แต่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง ยังมีภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มานานของเนปาล จนค่อย ๆ สะสมความไม่พอใจมาเรื่อย ๆ อีกด้วย
แล้วเศรษฐกิจเนปาล แย่แค่ไหน ?
ใต้ก้อนภูเขาน้ำแข็งนั้นมีอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
เนปาล เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แถมยังติดกับแนวเทือกเขาหิมาลัยยาว จนทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ด้วยธรรมชาติของเทือกเขาหิมาลัย ดึงดูดให้คนทั่วโลก มาท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง ทำให้เนปาลพึ่งพารายได้จากภาคบริการมากถึง 55% จากรายได้ทั้งหมดของประเทศ
เรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะดี การท่องเที่ยวก็น่าจะสามารถดึงเงินเข้าประเทศได้อย่างต่อเนื่อง จนกระจายรายได้ไปสู่คนเนปาล แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ดีขนาดนั้น..
เพราะไม่ใช่ว่าเทือกเขาหิมาลัย จะเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
แต่สามารถเที่ยวได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น แปลว่าอีก 9 เดือนที่เหลือ นักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงไปเลย
พอเป็นแบบนี้ ทำให้ภาคบริการที่แม้จะสร้างรายได้หลักให้ประเทศ แต่ก็ไม่สามารถการันตีรายได้ที่แน่นอนตลอดทั้งปีให้กับคนเนปาล ที่ทำงานในภาคการท่องเที่ยวได้
เมื่อรายได้ภาคบริการไม่ต่อเนื่องแล้ว คนเนปาลก็น่าจะต้องไปหวังพึ่งรายได้จากภาคเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรมแทน
แต่พอไปดูที่ภาคเกษตรกรรม เนปาลสามารถปลูกได้แค่พืชทั่วไปที่ไม่ได้มีราคาสูงมาก เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ทำให้รายได้ที่ตามมาก็ไม่ได้สูงอะไรเลย
แถมผลผลิตต่อไร่ก็ยังต่ำ และไม่สามารถปลูกแบบไร่ขนาดใหญ่ได้ ทำให้ต้นทุนผลผลิตเหล่านี้สูงกว่าประเทศอื่น ซึ่งคงไม่ต้องหวังให้ไปแข่งกับใครอีกได้
ดังนั้น เมื่อภาคบริการและเกษตรกรรม หวังพึ่งอะไรไม่ได้
ภาคอุตสาหกรรมจึงเป็นคำตอบสุดท้ายของคนเนปาล
แต่อุตสาหกรรมของเนปาลส่วนใหญ่ ก็ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีซับซ้อน เช่น การแปรรูปสินค้าเกษตรต่าง ๆ
ซึ่งพอไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไรซับซ้อน หรือมีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ รายได้ของธุรกิจ ก็ไม่ได้เติบโตขึ้นจนสามารถจ้างงานได้เพิ่ม จนสุดท้ายอุตสาหกรรม ก็ไม่ได้เป็นความหวังให้คนเนปาลอยู่ดี
1
เมื่อไม่มีภาคเศรษฐกิจไหน ที่จะเป็นแหล่งรายได้หลักพอจะเลี้ยงชีพตัวเองได้เลย คนเนปาลจึงมีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น
ทางเลือกแรกคือ การออกไปหางานต่างประเทศทำ เพื่อเอารายได้มาเลี้ยงคนในครอบครัว
รู้ไหมว่า ปัจจุบันมีคนเนปาลมากถึง 3.5 ล้านคน ออกไปทำงานต่างประเทศ แล้วส่งเงินกลับมาในประเทศ
โดยต่างประเทศที่ว่านี้ ก็เช่น มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ ไปจนถึงประเทศในยุโรปอย่างโรมาเนีย โครเอเชีย มอลตา และโปแลนด์
แต่เรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เงินที่ส่งกลับมาโดยแรงงานเนปาล มีมากถึง 33% ของ GDP ทั้งประเทศในแต่ละปี
นี่เรียกได้ว่าสูงมาก เพราะลองคิดภาพว่าเงินที่หมุนอยู่
ในเศรษฐกิจเนปาล 3 ใน 10 มาจากต่างประเทศ ถ้าเงินตรงนี้หายไป คงกระทบกับเศรษฐกิจเนปาลแน่ ๆ
1
แต่ด้วยเงินที่ส่งมาจากต่างประเทศนี้เอง ทำให้คนเนปาล
บางกลุ่มในประเทศยังสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ด้วยการหวังพึ่งคนในครอบครัว ที่ไปทำงานต่างประเทศ
1
แม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องนี้กลับทำร้ายเศรษฐกิจเนปาลเสียเอง เพราะแปลว่า แรงงานที่มีทักษะสูง ก็จะออกไปหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าในต่างประเทศ
ซึ่งปัจจุบัน มีคนเนปาลอายุน้อยราว 700,000 คนต่อปี
ออกไปทำงานต่างประเทศ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า
“สมองไหล” ออกนอกประเทศเรื่อย ๆ
จนในที่สุด ประเทศก็จะไม่เหลือคนเก่ง ๆ ไว้พัฒนาบ้านเมืองและเศรษฐกิจให้ก้าวหน้ามากกว่านี้
และอีกทางเลือกหนึ่งที่คนเนปาลสามารถเลือกได้
แม้จะไม่เต็มใจเลือกก็ตาม นั่นคือ การว่างงาน
1
ปัจจุบัน ถ้าเอาคนเนปาลมาเรียงกัน 100 คน จะมีคน
ที่ว่างงานมากถึง 10 คนเลยทีเดียว
ถ้าถามว่ามากแค่ไหน ปัจจุบันคนทั่วโลกทุก ๆ 100 คน
จะมีคนว่างงานราว 4 คน
และยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะถ้าเราไปดูกลุ่มแรงงานวัยรุ่นของเนปาล จะพบว่าทุก ๆ 100 คน จะมีคนว่างงานกลุ่มนี้มากถึง 22 คนเลยทีเดียว
1
คำถามคือ แล้วรัฐบาลเนปาล กำลังทำอะไรอยู่ ?
ปัญหาของรัฐบาลเนปาลในช่วงที่ผ่านมา คือ การต้องใช้งบประมาณขาดดุล หรือรายจ่ายมากกว่ารายได้ มาโดยตลอด
พอรายได้ไม่พอ รัฐบาลก็ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป ที่ต้องไปกู้ยืมเงินมาโปะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
แต่พอกู้เงินมาเพิ่ม ทำให้หนี้สาธารณะก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย จนปัจจุบันอยู่ที่ 42.7% ของ GDP จากเดิมเมื่อ 10
ปีก่อนอยู่ที่ราว 25% ของ GDP เท่านั้น
2
แน่นอนว่าพอกู้เงิน ก็ต้องมีการชำระผ่อนคืน เลยทำให้ตอนนี้ค่าใช้จ่ายก้อนนี้คิดเป็น 4.6% ของ GDP จากเดิมที่มีค่าใช้จ่ายตรงนี้แค่ 3.5% ของ GDP เท่านั้น
ถ้าเศรษฐกิจเนปาลโตไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่กลายเป็นว่าเศรษฐกิจโตราว 1-2% เท่านั้น แปลว่า ค่าใช้จ่ายก้อนนี้ ก็จะพอกพูนมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
1
เพราะอย่าลืมว่าถ้าเศรษฐกิจโต ประเทศก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น และนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้ต่อ แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น รัฐบาลก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้ตรงนี้
ซึ่งสุดท้าย ก็อาจเกิดวงจรที่เรียกว่า หนี้โปะหนี้ไปเรื่อย ๆ
จนเนปาลก็ยังติดกับดักหนี้สาธารณะนี้ไปอีกยาว ๆ แทน
2
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นภาพเศรษฐกิจคร่าว ๆ ของเนปาล ที่เราคงเห็นแล้วว่า คนเนปาลมีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น คือ ออกไปทำงานต่างประเทศ หรือไม่ก็ปล่อยให้ตัวเองตกงาน
1
แต่ทางออกสุดท้าย ในวันที่ประเทศไม่มีความหวังอะไรเหลืออยู่เลย ก็คงเป็นความโกรธแค้นกับรัฐบาล ที่ปล่อยให้เนปาลแย่มาจนถึงทุกวันนี้
1
ซึ่งถ้ามีเรื่องปัญหาคอร์รัปชันเข้าไปอีก ก็ยิ่งเติมเชื้อไฟความโกรธแค้นให้คนเนปาล เพื่อหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงให้กับ “อนาคตของตัวเอง” ได้ในที่สุด..
2
เศรษฐกิจ
35 บันทึก
70
6
53
35
70
6
53
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย