11 ก.ย. เวลา 09:33 • ข่าว
รัฐบาลไหนก็ตามในโลกที่มาจากประชาชนจริงๆ เวลามีการประท้วงหรือเสียงคัดค้านจากมวลชน สิ่งที่เขาทำไม่ใช่ด่าว่าประชาชนโง่ แต่เขาจะหาทางถอยคนละก้าว เปิดพื้นที่ประนีประนอม ฟังเสียงแล้วหาทางออกร่วมกัน เพราะรู้ว่าพลังประชาชนคือเจ้าของประเทศที่แท้จริง
ลองมองไปที่อินโดนีเซียในอดีต เราจะเห็นภาพ ส.ส.บางคนออกมาเต้นเยาะเย้ยประชาชนในสภา สุดท้ายก็กลายเป็นชนวนที่นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล นี่คือตัวอย่างชัดๆ ว่าถ้าไม่ฟังเสียงคนส่วนใหญ่ ผลลัพธ์มันหนักหน่วงขนาดไหน
และอย่าลืมว่าประเทศมหาอำนาจทั้งหลายมักจะตั้งธงเอาไว้ว่า “นี่คือประชาธิปไตย” ถึงแม้จะไม่ได้เพรียบพร้อมหรือจริงใจเต็มร้อย ประเทศเล็กๆรอบโลกก็เลยจำต้องเดินตามรอยไปแบบครึ่งๆกลางๆไม่เต็มใจ ไทยเองก็เช่นกันครับ ถ้าให้พูดตรงๆ เราไม่ได้ก้าวสู่ประชาธิปไตยเพราะศรัทธาอย่างแท้จริง แต่เพราะแรงกดดันจากกระแสโลกมากกว่า
พอเรามองกลับมาในบ้านเรา จะเห็นว่าจริยธรรมทางการเมืองมันไม่ได้หยั่งรากจริง พรรคการเมืองที่อยู่กับขั้วอำนาจเดิมก็อิงอำนาจมากกว่าการฟังประชาชน ถ้ามหาอำนาจโลกไม่ชูประชาธิปไตยเป็นป้ายหน้าประตู ป่านนี้ไทยคงเป็นอำนาจนิยมเต็มรูปแบบไปแล้ว
เนปาลก็ไม่ต่างกันครับ ตั้งแต่แรกเขาไม่เคยเปิดหูฟังเสียงประชาชนเลย สุดท้ายจึงเกิดการลุกฮือครั้งใหญ่ และต้องไม่ลืมว่าการลุกขึ้นสู้ของประชาชนแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่าแน่นอน มันย่อมต้องมีแรงหนุนบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ไม่เช่นนั้นประชาชนลำพังไม่มีทางสั่นคลอนอำนาจใหญ่ได้ครับ
โฆษณา