Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดีนะที่รู้ว่าโง่!
•
ติดตาม
11 ก.ย. เวลา 15:33 • ปรัชญา
กุญแจดอกที่ 27 : When One Door Closes… Wait, Did Someone Just Open a Window? 🪟
”คุณอาจมีกุญแจเยอะมากมาย แต่วันนึงไม่มีกุญแจใดไขประตูบานที่ต้องการให้ออกเปิดได้ มันถูกปิดตายอยู่ตรงนั้น…“
ชีวิตเรามันก็เหมือนตึกโบราณสักหลังนะ… พอประตูบังเอิญปัง ตรงหน้าเราปิดสนิทตูมตามแบบฉบับละครน้ำเน่า เราก็มักจะยืนเศร้า เหมือนเมาเหล้า ต่อยกำแพง หรือไม่ก็นั่งตรมตรอมอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง 😢 แต่จิตวิทยาบอกว่า สมองของเราเนี่ย มันขี้เกียจและชอบทางลัด! มันจะไม่มานั่งเสียใจกับประตูที่ปิดไปนานหรอก… เพราะในเมื่อประตูปิด หน้าต่างก็ต้องเปิดออกซะหน่อย ไม่ใช่เพราะปาฏิหาริย์ แต่เพราะนั่นคือ “กฎแห่งการหาทางออก” ของสมองเราต่างหาก! ใครไม่เชื่อ ตามมานะ… เราาจะเดินสำรวจกันไปในตึกแห่งชีวิตนี้แบบสนุกๆ กัน!
โอเคนะ เพื่อนๆ ลองนึกภาพดูสิ… คุณเตรียมตัวเต็มที่สำหรับงานในฝัน ที่อยากทำมานาน พอถึงวันสัมภาษณ์ กลับได้ยินคำว่า “ขอแจ้งว่า…” จากโทรศัพท์ครั้งเดียวที่ทำให้โลกทั้งโลกแตกสลาย 🫠 ในช่วงเวลาแบบนั้น มันคือหายนะระดับสิ้นหวังเลยใช่ไหมล่ะ? คุณอาจนอนซมอยู่สามวัน กินไอศกรีมหมดไปเจ็ดถ้วย รู้สึกเหมือนตัวเองจมดิ่งไปกับประตูบานนั้นแล้ว…
แต่… พออีก 3 วันผ่านไป เพื่อนซี้ดันโทรมาชวนไปดื่มกาแฟที่ร้านใหม่ ✅ บังเอิญไปเจอเจ้าของสตาร์ทอัพเล็กๆ น่ารักๆ ที่กำลังหาคนแบบคุณเป๊ะๆ แถมสภาพแวดล้อมงานดูดีกว่าที่คุณสมัครอีก! นี่มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า? 🤨
จิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Attention Switching” หรือการสลับโฟกัสของสมองนั่นเอง! เวลาที่เราสูญเสียสิ่งหนึ่งไป (ประตูปิด) สมองเราจะปลดปล่อยทรัพยากรทางความคิดที่เคยจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น แล้วเริ่มมองหาสิ่งเร้าใหม่ทันที 🧠✨ มันคือกลไกการเอาตัวรอดทางจิตใจที่ทำให้เราไม่จมอยู่กับความผิดหวังนานเกินไป จริงๆ แล้ว สมองเรานี่แหละที่เป็นมือที่คอยเปิดหน้าต่างบานใหม่ให้เราเองโดยที่เราไม่รู้ตัว!
เมื่อประตูบานเดิมที่เคยเปิดให้เราสบายใจ ปลอดภัย มันปิดลง... มันบังคับให้เราต้อง "หาทางออกใหม่" ซึ่งอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะสมองของเราถูกออกแบบมาให้รักความสบาย (Comfort Zone) 🛋️
ดังนั้น หน้าต่างที่เปิดออก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือโชคช่วย แต่มันคือผลลัพธ์จาก "การเปลี่ยนมุมมอง" ของเราต่างหาก มันคือการที่เรายอมรับความจริง แล้วเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายกว่าเดิมแต่ก็คุ้มค่ากว่าเดิมเช่นกัน
นักจิตวิทยาชื่อดังอย่าง Martin Seligman ผู้บุกเบิกศาสตร์จิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) เคยพูดถึง Concept “Door of Opportunity” ไว้ เขาอธิบายว่า มนุษย์เรามีสิ่งที่เรียกว่า “Learned Optimism” (การมองโลกในแง่ดีที่เรียนรู้ได้) ซึ่งช่วยให้เราไม่จมอยู่กับความล้มเหลว แต่จะรีบฟื้นตัวและมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทดแทนอย่างรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมบางครั้งการที่ประตูปิดไปซะอย่างนึง ถึงได้ทำให้เราไปเจอกับ “หน้าต่าง” ของโอกาสอื่นที่อาจดีกว่าเสียอีก!
หน้าต่างคือโอกาสที่ซ่อนอยู่
1. เพิ่มความยืดหยุ่นทางจิตใจ 🛠️: การมองหา “หน้าต่าง” ฝึกให้คุณเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง ไม่ยึดติดกับแผน A ที่ล่มไป
2. กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ 🎨: เมื่อประตูปิด คุณจะเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ๆ เช่น เปลี่ยนงาน ลองงานฟรีแลนซ์ หรือเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ
3. สร้างความสุขที่ยั่งยืน 😊: จิตวิทยา Positive Psychology บอกว่า การมองโลกในแง่ดีช่วยลดความเครียดและเพิ่มความพึงพอใจในชีวิต
วิธีเปิดหน้าต่างในชีวิตจริง
• ยอมรับความล้มเหลวแบบขำๆ 😜: แทนที่จะร้องไห้ ลองหัวเราะกับมันซะ เช่น “สมัครงานไม่ผ่าน? ช่างมัน โลกนี้กว้าง!”
• ถามตัวเองว่า “แล้วไงต่อ?”: ใช้คำถามนี้เป็นตัวจุดไฟให้สมองมองหาทางเลือกใหม่
• ลองอะไรที่ไม่เคยทำ: ลงคอร์สออนไลน์ ไปเที่ยวคนเดียว หรือลองงานใหม่ที่ไม่เคยคิดจะทำ
• คุยกับคนรอบตัว: เพื่อนหรือครอบครัวอาจชี้ให้เห็น “หน้าต่าง” ที่คุณมองข้าม
ตัวอย่างและประโยชน์ที่นำไปใช้ในชีวิตจริง:
1. เรื่องงาน: ถูกปฏิเสธจากบริษัท A → แต่ได้ไปทำงานที่สตาร์ทอัพที่ให้อิสระและโอกาสเรียนรู้มากกว่า → ได้ Skill ใหม่ๆ เต็มเปี่ยม! อาจไม่ได้งานที่อยากได้ → สุดท้ายไปเจองานที่ตรงใจ + เงินดีกว่า
2. เรื่องความรัก: อกหักจากคนที่ไม่ใช่ → ทำให้มีเวลาไปเจอสังคมใหม่ → ไปเจอคนที่คิดเหมือนกันในร้านกาแฟ → กลายเป็นคู่ชีวิตที่ใช่ที่สุด! 💘 แฟนทิ้งไปหา “คนใหม่” → สรุปคุณเจอ “คนจริง” ที่ดีกว่าเยอะ
3. เรื่องเล็กๆ น้อยๆ: ร้านข้าวไข่เจียวที่ชอบดันปิด → บังเอิญได้ลองร้านใหม่ที่ขายผัดกระเพราพริกแห้งไข่ดาว อร่อยจนต้องแชร์ → กลายเป็นร้านโปรดใหม่ในที่สุด!
นี่แหละ “หน้าต่าง” ที่เปิดออกหลังประตูถูกปิดกระแทกใส่หน้าเรา
ประโยชน์ที่ได้: เราจะฝึกไม่จมกับความผิดหวัง ฝึกเป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบมีเหตุผล (ไม่ใช่เพ้อฝัน) และที่สำคัญ… เราเปิดตัวเองให้กับ “ความบังเอิญที่ดี” ได้มากขึ้น!
🐾 คำข่วน
💡 “อย่ามัวนั่งจมอยู่หน้าประตูที่ปิดแล้ว… เดินไปเปิดหน้าต่างรับลมใหม่บ้าง บางทีวิวอาจจะสวยกว่าเดิมก็ได้นะ” (A closed door is just a wall with a hidden window.) 🪟
💡 “อย่าเสียเวลางัดประตูที่ถูกล็อก… เพราะบางทีหน้าต่างบานเล็กก็พาออกสู่โลกที่กว้างกว่า”
(When one door closes, don’t cry at the handle. Look for the window — the view might be better.)
💡 "เมื่อประตูบานหนึ่งของความสุขปิดลง หน้าต่างจะเปิดออก แต่บ่อยครั้งเราเฝ้ามองแต่ประตูที่ปิดนั้นนานเกินไปจนไม่ทันเห็นหน้าต่างที่เปิดให้เราแล้ว"
ชวนคิดส่งท้าย:
"เมื่อประตูปิด หน้าต่างจะเปิดออก" ไม่ใช่คำปลอบใจ แต่เป็น "บทเรียน" ทางจิตวิทยาที่สอนให้เราเข้าใจว่าชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง การสูญเสียไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ ๆ ที่รอให้เราค้นพบต่างหาก
ชีวิตไม่เคยต้องการให้เราติดกับดักอยู่กับทางแคบๆ แค่ทางเดียว… บางทีประตูที่ปิดไปก็แค่เป็นบททดสอบว่าเราจะยอมแพ้หรือมีสติพอที่จะหันมามองรอบๆ ตัวและพบกับหน้าต่างบานใหม่ที่รอเราอยู่หรือเปล่า? 🧐
หน้าต่างบานเล็กๆ ที่เรามองข้าม อาจพาเราไปเจอวิวที่สวยงามเกินคาด 🏞️
ครั้งหน้าเจอประตูปิด อย่าเพิ่งท้อ ลองมองหาหน้าต่าง แล้วกระโดดออกไปลุยโอกาสใหม่!
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ… ประตูอะไรในชีวิตที่ปิดไปแล้ว และคุณค้นพบหน้าต่างบานสวยอะไรหลังจากนั้นบ้าง? มาแชร์เรื่องราวของคุณกันได้นะ… เพราะเรื่องราวของเพื่อนๆ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนก็ได้!
แล้วพบกับบทความสไตล์นี้ได้ใหม่ในครั้งหน้าค่า! อย่าลืมกดติดตามไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดหน้าต่างแห่งแรงบันดาลใจบานถัดไป 🔔💖
ปรัชญา
blockdit
เรื่องเล่า
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย