21 ก.ย. เวลา 02:01 • ไลฟ์สไตล์

White Wood Green Spa & Wellness Yenarkart ปรับปรุงโกดังเก่าสู่พื้นที่สุขภาพเชิง Wellness

“White Wood Green” คือแบรนด์สปาแอนด์เวลเนสไทย ที่เน้นการผสมผสานธรรมชาติและการบำบัด ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากพลังแห่งธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางบรรยากาศของสปารูปแบบสแตนด์อโลนหนีจากความวุ่นวายของตึกสูงใจกลางเมือง เพื่อให้คนกรุงได้มีพื้นที่เยียวยากายใจ
โดยมีแนวคิดที่เน้นการสัมผัสและประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด เริ่มต้นสาขาแรกเมื่อ 5 ปีก่อน ที่ซอยเอกมัย 12 จนมาสู่สาขาเย็นอากาศแห่งนี้ ที่มีทำเลสงบร่มรื่น เน้นเอาใจกลุ่มลูกค้าประเภท Resident ประจำย่านได้มีพื้นที่พักผ่อน โดยเลือกโกดังเก่าในซอยที่เคยใช้เก็บสินค้าในอดีตมารีโนเวตใหม่ให้อาคารกลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง เพื่อปรับเปลี่ยนหน้าที่ใหม่ให้เป็นพื้นที่เชิงสุขภาพมีทั้งสปา คาเฟ่ และห้องกิจกรรมเวิร์กชอปรวมอยู่ในที่เดียว
คุณแอน - ชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์ เจ้าของแบรนด์สปา White Wood Green Spa & Wellness
"ความตั้งใจในการทำสปาของแบรนด์ แนวทางของแบรนด์เราทำสปาแบบสแตนด์อโลนเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในตึก เพื่อที่จะให้เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากความวุ่นวายมากที่สุด เรามาเจอที่นี่เราชอบอาคารที่มีลักษณ์ที่มีความเป็นไม้เพราะชอบในความโฮมมี่ค่ะ และที่นี่ก็เป็นถนนที่ไม่ได้ห่างจากใจกลางเมืองจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันต้องเป็นถนนที่สงบแต่ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับย่านสำคัญได้หลายทาง
"เราอยากเปิดสถานที่ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์จริง ๆ ซึ่งตรงนี้ยังไม่มี และชอบที่ย่านนี้มี Resident คนไทยเยอะ และคิดว่าคนไทยต้องการพื้นที่พักผ่อน นอกเหนือจากห้าง ก็เลยคิดว่าถ้าเรามาตั้งอยู่ตรงนี้ ที่นี่อาจจะเป็นที่พักผ่อนที่เขากำลังหาอยู่ ให้ทุกคนในครอบครัวได้มาใช้เวลาและมีกิจกรรมร่วมกัน" คุณแอน - ชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์
การปรังปรุงอาคารครั้งนี้ Supar Studio และเจ้าของอย่าง คุณแอน - ชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์ ต่างต้องการคงเอกลักษณ์ของโกดังเดิมไว้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของยุคและการค้าขายในสมัยก่อนว่าครั้งหนึ่งในซอยเย็นอากาศได้เคยมีอาคารโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ โดยเฉพาะโครงถักไม้ (Wooden Truss) ที่มีเส้นสายสวยงามดูโดดเด่น
จนถูกเลือกให้ทำหน้าที่สื่อสารอัตลักษณ์ของพื้นที่ (Sense of Place) กลายเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ขณะเดียวกันแนวทางการอนุรักษ์อาคารเก่านี้ ยังมีผลดีในแง่การรักษาทรัพยากร พลังงาน และต้นทุนการก่อสร้าง พร้อมกับคุณค่าระดับย่าน หรือเมือง เพราะรูปทรงอาคารนี้ได้บรรจุทั้งเรื่องราวฝีมือช่างที่ไม่สามารถทำซ้ำขึ้นใหม่ได้ง่าย เเละไม่มีใครเหมือน เป็นความทรงจำของเมืองเเละย่านเย็นอากาศเมื่อ 50 ปี ก่อนเอาไว้
ในขั้นตอนการปรับปรุงอาคาร สถาปนิกเเทบไม่ได้เปลี่ยนกายภาพอาคารเลย เพราะต้องการให้อาคารยังดูเป็นโกดังจริง ๆ และเลือกโชว์โครงถักไม้เดิมไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากอาคารมีอายุเก่าแก่จึงต้องมีการเสริมเสาเหล็กซ่อนอยู่ในผนังใหม่ หรือโครงสร้างค้ำยันใหม่โดยเฉพาะตรงโถงบันไดกลางอาคารโซน Private Spa ที่สามารถเห็นโครงสร้างเหล็กส่วนใหม่ค้ำกับโครงสร้างเก่าชัดเจนสวยงามและแข็งเเรงขึ้น
ฝ้าเพดานกรุแผ่นเมทัลชีทซ้อนฉนวนกันความร้อนไว้ด้านใน โดยยังคงโชว์โครงสร้างไม้เดิมไว้ พื้นที่บางส่วนได้เปลี่ยนการใช้สอยใหม่ เช่นคว้านพื้นที่อาคารเพื่อเปิดเป็นคอร์ตสวนแล้วนำไม้ที่รื้อจากโครงหลังคามาทำเป็นพื้นระเบียง ขัดแต่งเป็นผนัง หรือทำเป็นพื้นที่นั่งล้างเท้า และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ แบบไม่เสียประโยชน์
คุณป๊อบ - สุวภัทร ชูดวง จาก Supar Studio
"ในฐานะดีไซเนอร์รู้เทรนด์ของว่าโลกเเละสังคมการออกแบบในเวลานี้ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ต้อง Conscious มากขึ้นในการมองสิ่งที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ เเละเก็บสิ่งที่มีคุณค่านำมาใช้ให้ได้มากที่สุด สร้างใหม่ให้น้อยลง ทุบทำลายน้อยลง วิธีคิดนี้เป็นสิ่งที่ทั้งเราเเละเจ้าของสนใจ เป็นการทำงานอย่างเงียบ ๆ สงบ ๆ เเละพิจารณาตัวอาคารเดิมไปว่าจะเก็บเเละจะเล่าอะไร
"ซึ่งเข้ากับเเนวทางของสปาที่พูดถึงความเป็นธรรมชาติจริง ๆ ของพื้นที่ ก็คือโกดังเเละโครงสร้างของมันที่สวยงามอยู่เเล้ว เรามั่นใจเเต่เเรกว่าคือแนวทางการเก็บรักษาไว้จริง ๆ" คุณป๊อบ - สุวภัทร ชูดวง จาก Supar Studio
เส้นทางเดินส่วน Private ได้นำพาแขกเข้าโซน Private Spa ที่อยู่ในอาคารโกดังที่ 2 และ 3 ด้านหลัง บรรยากาศดูโปร่งสบายด้วยโถงสูงรับแสงจากคอร์ตสวนที่เกิดจากการคว้านพื้นที่อาคารด้านข้างออก ที่นี่แขกจะพบกับพื้นที่ที่เรียกว่า Stair Hall สำหรับกระจายเเขกไปยังโซนของห้องสปาต่าง ๆ ตามที่ได้ซื้อแพ็คเกจไว้ โดยมีบันไดสู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นการทำพื้นที่ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นห้องสปาต่าง ๆ บนชั้นบนจะสามารถมองเห็นการตกแต่งภายในที่สถาปนิกพยายามออกแบบห้องตามจั่วไม้ เพื่อให้เกิดภาพของการเล่าเรื่องว่ากำลังอยู่ในพื้นที่โกดัง
โดยมีห้องบริการเพียง 14 ห้อง สำหรับบริการนวดเพื่อสุขภาพตั้งแต่ศีรษะจนจรดปลายเท้า เช่น นวดแผนไทย นวดอโรม่าแบบ Exclusive Organic นวดหินร้อน ฯลฯ ซึ่งมีความพิถีพิถันทุกขั้นตอน และมีไฮไลต์อย่างบ่อแช่ตัวแบบออนเซ็น หรือวารีบำบัด (Hydrotherapy) แบ่งแยกชายเเละหญิง พร้อมวิวสวนส่วนตัว เมื่อจบคอร์สการทำสปาลูกค้าสามารถเดินออกมายังพื้นที่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสปาที่ถูกออกแบบทางเดินไล่ตามลำดับการใช้งาน
การเปลี่ยนโกดังลักษณะนี้ไปเป็นสปาถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่พิเศษผ่านการใช้งานพื้นที่ที่ไม่เหมือนที่ใด และอีกสิ่งที่เเบรนด์สปาจะได้รับคือภาพของการสร้างความยั่งยื่น ความไม่ปรุงเเต่งมาก เเละเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ตรงนั้น เช่นการเก็บไม้ที่เป็นโครงสร้าง ตัวอาคาร และความเป็นธรรมชาติเดิม อันเป็นเเนวทางที่สอดคล้องกับแนวคิดของสปาที่ชัดเจนตรงตามชื่อ White Wood Green
โดยคำว่า “สีขาว” เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์จากธรรมชาติ “ไม้” เป็นตัวแทนมอบความรู้สึกอบอุ่น ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน และ “สีเขียว” หมายถึงต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าผู้มาเยือนจะได้รับรู้ผ่านผัสสะทั้งหก ซึ่งเจ้าของและสถาปนิกต่างเชื่อในพลังของงานดีไซน์ที่ไม่ต้องหวือหวา แต่สามารถเล่าเรื่องและรองรับประสบการณ์การบำบัดได้จริง ๆ สร้างการรับรู้ได้ถึงความสงบ ผ่อนคลาย ในพื้นที่ที่เป็นมิตรทั้งกายและใจของคนกรุง
ที่ตั้ง
45 ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน 10.00 -21.00 น.
คาเฟ่เปิด 8.30 - 17.30 น. (ปิดเฉพาะวันอังคาร)
โทร. 06-2802-2245
เจ้าของ: คุณชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์
ออกแบบ - ตกแต่ง: Supar Studio
Main Contractor : PNC Construction
Interior Contractor : Defter
Lighting Designer : LUMEN LIGHT Lighting Design
Structural Engineer : EXMS Engineerings
Mechanical Engineer : EXM Consultant
เรื่อง: Phattaraphon
ภาพ: นันทิยา บุษบงค์
คลังสาระความรู้เรื่องบ้านและพรรณไม้ยังมีอีกมากมาย อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ https://room.baanlaesuan.com/
โฆษณา