เราว่า..คงไม่อาจเจาะจงว่าเป็นคนรุ่นไหนใหม่เก่านะคะ ใดๆก็ตามถ้าคนเราเชื่อมโยงกับสิ่งนั้นไม่ได้ ความสนใจก็ย่อมลดหลั่นลงไปเป็นธรรมดา ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ "วันๆพันเหตุการณ์" บริบทแวดล้อมทั้งหลายแหล่มันไม่เอื้อให้ใครมานั่งสนใจอะไรได้นานๆถึงขั้นนำไปสู่การศึกษาอย่างลึกซึ้ง
ถ้าพูดถึงเฉพาะการศึกษาในระบบนะ วิชาประวัติศาสตร์ในประเทศทางตต.กับตอ.ก็ต่างกันโขละ ขอ'ยาดยกตัวอย่างแค่ 2 ประการ
1) ประเทศทางตะวันตก เด็กๆเขาเรียนแบบ Debate (ซึ่งทางฝั่งบ้านเราเป็นการเรียนแบบท่องจำ) ผลที่ได้คือ..
– การคิดวิเคราะห์
– หักล้างกันด้วยข้อมูล
– ยอมรับความเห็นต่าง
2) ประเทศทางตะวันตก ใช้วิชา History เป็นวิชาวัดกึ๋น (ซึ่งต่างจากทางตะวันออกที่ใช้ Sci Math Tech) ผลที่ได้คือ..
– ฐานะยากดีมีจน ไม่ใช่ข้อจำกัดในการเข้าถึง History ซึ่งต่างจาก SMT
– ช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ลดแคบลง เพราะทุกคนมีสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้พอๆกัน
– โอกาสที่เปิดกว้างสำหรับคนทุกฐานะ เพราะเครื่องมือที่ใช้วัด สามารถวัดตัวตนของเขาอย่างแท้จริง สามารถบ่งบอกสิ่งที่กลั่นมาจากสมอง
การเรียนประวัติศาสตร์ มิใช่เพียงศึกษาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ควรเป็นการเรียนแบบตีความผ่านมุมมองของแต่ละคน ในแต่ละยุคสมัย
คุณูปการของการเรียนประวัติศาสตร์มีมากมาย แต่ที่งดงามที่สุดคือ "ความภูมิใจในชาติของตน" คนเราถ้าไม่ภูมิใจในตัวเอง ไม่ภูมิใจในชาติของตน จะพัฒนาได้ยากมาก!!
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
