Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
13 ก.ย. เวลา 12:30 • ไลฟ์สไตล์
คนส่วนใหญ่ประเมินค่าใช้จ่ายแฝงของการเป็นเจ้าของบ้านต่ำเกินไป
บทเรียนจากเศรษฐีเงินล้านเคยมีบ้านสี่หลัง แต่สุดท้ายขายทิ้งหมดแล้วเลือกเช่าอยู่แทน
🏠 ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา “บ้าน” ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและเป้าหมายของชีวิต
คำแนะนำทางการเงินจำนวนมากบอกว่าการเป็นเจ้าของบ้านคือการลงทุนที่ดี เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้กับชีวิต ซึ่งแน่นอนสำหรับหลายคนมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สมมุติคุณซื้อบ้านเพราะมันเป็นเป้าหมายของชีวิตจริงๆ คำนวณค่าใช้จ่ายมาแล้วเป็นอย่างดี พร้อมที่จะแบกรับภาระการจ่ายค่างวดไปอีกหลายปีหรือหลายสิบปี แบบนั้นการซื้อบ้านก็ดูสมเหตุสมผล
แต่สำหรับ เบอร์นาเด็ตต์ จอย (Bernadette Joy) โค้ชการเงินและผู้เขียนหนังสือการเงินชื่อดัง ‘Crush Your Money Goals’ เส้นทางกลับคดเคี้ยวกว่านั้น
เธอและสามีเคยครอบครองบ้านสี่หลังระหว่างปี 2010–2022 บางช่วงถือสองหลังพร้อมกันเลยด้วยซ้ำ อยู่เองหนึ่ง ปล่อยเช่าอีกหนึ่ง ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจขายทั้งหมดแล้วหันกลับมา “เช่า” แทน
จอยอธิบายในบทความว่าตอนนี้หากต้องการ เธอ “สามารถซื้อบ้านด้วยเงินสดได้วันนี้” แต่สามปีที่ผ่านมาเธอเลือกเช่า และความมั่งคั่งสุทธิก็เติบโตได้เร็วกว่าเดิมจากการปล่อยให้เงินไปทำงานที่อื่นมากกว่าอสังหาฯ ที่แบกภาระดูแลไม่จบสิ้น
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นตอนที่เธอนั่งคำนวณอย่างละเอียดว่ามันจะดีกว่าถ้านำเงินจากการขายบ้านกลับเข้าสู่พอร์ตการลงทุนที่กระจายตัว (ซึ่งเธอเลือกลงทุนในกองทุนดัชนี) พร้อมลดเวลาที่เคยใช้ไปกับการไล่ตามงานซ่อมแซมและปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ของการเป็นเจ้าของบ้าน แล้วกลับมาโฟกัสในการสร้างธุรกิจของตัวเอง
หลังจากมีล้านดอลลาร์แรกในปี 2021 ได้แล้ว นั่นคือตอนที่เธอกับสามีตัดสินใจขายบ้านและกลับมาเช่าอยู่อีกครั้ง แล้วก็เป็นไปตามที่เธอกับสามีคาดการณ์ไว้ หลังจากนั้นเพียงสามปี ความมั่งคั่งก็แตะล้านที่สอง ขณะที่คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องปวดหัวกับการซ่อมแซมบ้าน คุยกับช่าง หรือจัดการปัญหาเรื่องคนเช่าบ้านต่างๆ
จอยแชร์ว่าสิ่งที่มักไม่อยู่ในเครื่องคิดเลขเวลาหลายคนตัดสินใจซื้อบ้านคือ “ต้นทุนแฝง” ของการเป็นเจ้าของบ้าน
รายจ่ายที่ไม่ได้จบลงตรงเงินต้นและดอกเบี้ย แต่พอกพูนจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เบี้ยประกัน ค่าสาธารณูปโภค อินเทอร์เน็ต ค่าส่วนกลาง ค่าตบแต่งบ้าน และตัวแสบที่สุดคือค่าซ่อมบำรุง
🚽บ้านทุกหลังย่อมผุพัง ทีละนิดและบางครั้งเป็นก้อนใหญ่
จอยเล่าว่า “เราต้องจ่ายค่าต้นไม้ที่หักล้มในสวน ค่าซ่อมหลังคารั่ว ปัญหาท่อน้ำ รวมถึงระบบไฟฟ้า” เธอกล่าวต่อว่า “ผู้คนมักประเมินค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต่ำเกินไป”
สำหรับคนที่หวัง “ให้คนอื่นช่วยผ่อน” ผ่านการปล่อยเช่า จอยพบว่าการได้ลงมือทำจริงกับการคำนวณในกระดาษต่างกันมากทีเดียว
การเป็นเจ้าของบ้านเพื่อปล่อยเช่ามักไม่คุ้มกับความวุ่นวายที่ต้องเจอ เธอและสามีเคยลองปล่อยบ้านผ่าน Airbnb และพบว่าเมื่อรวมค่าใช้จ่ายแล้ว การจะทำกำไรที่น่าพอใจได้นั้น ต้องแลกมากับการทำงานหนักและปวดหัวไม่น้อย
ต้องจ้างทีมทำความสะอาด รับมือข้าวของเสียหาย และตอบคำถามยิบย่อยของแขกไม่หยุด หักค่าใช้จ่ายและเวลาแล้ว ผลตอบแทนที่เหลือไม่คุ้มกับภาระทางอารมณ์เลย
เมื่อคำนวณตัวเลขแล้ว จอยพบว่าเธอสามารถทำเงินได้มากกว่า (และกังวลน้อยลง) จากการขายบ้านแล้วนำเงินไปลงทุนในกองทุนดัชนีดีกว่า
นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายแฝงและปัญหาน่าปวดหัวของการปล่อยเช่าบ้านแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่จอยตัดสินใจขายบ้านและเปลี่ยนมาเช่าแทนเพราะรู้สึกว่ามัน ‘ยืดหยุ่น’ มากกว่า
เจ้าของบ้านบางคนอาจจะได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับที่ดี ถ้าจะขายแล้วไปซื้อบ้านใหม่ก็อาจจะไม่อัตราเดิม หรือบางทีอาจจะได้บ้านขนาดเล็กลง
สำหรับจอยและสามี อย่างน้อยในช่วงเวลานี้การเช่าอยู่หมายถึงความยืดหยุ่นในการเลือกอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะกับความต้องการของพวกเขามากกว่า
“ฉันเห็นหลายคนที่เสียโอกาสในการสร้างรายได้ หรือแม้กระทั่งโอกาสในการเปลี่ยนสายอาชีพของตัวเอง เพียงเพราะภาระทางใจที่คอยถามอยู่เสมอว่า ‘แล้วฉันจะทำยังไงกับบ้านหลังนี้?’” เธอกล่าว “รายได้ของฉันโตขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา เพราะฉันเคลื่อนไหวได้คล่องตัว และไม่ต้องเสียเวลาเสียพลังไปกับการดูแลบ้านสี่ห้องนอนหลังใหญ่เหมือนเดิม”
📌 ข้อสรุปสำคัญตรงนี้ ไม่ได้จะบอกว่า ‘การเช่าอยู่ ชนะหรือดีกว่า การซื้อ” หากแต่คืออย่าเพิ่งเชื่อคำแนะนำที่ว่า ‘การซื้อบ้านคือการลงทุนที่ดีที่สุด’ หรือ ‘การซื้อบ้านคือเป้าหมายที่แสดงให้เห็นว่าเราสำเร็จแล้ว’ หรือ ‘การเช่าก็คือการโยนเงินทิ้ง’ หรือ อะไรก็ตามแต่
รามิตร เศรษฐี (Ramit Sethi) ผู้เขียน ‘ผมจะสอนให้คุณรวย’ เศรษฐีที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองจนตอนนี้มีมูลค่าทางสินทรัพย์กว่า 25 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 800 ล้านบาท) บอกไว้ในคลิป “20 Things That Are a Complete Waste of Your Money” ว่า
“การซื้อบ้านน่าจะเป็นการตัดสินใจทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเสมอไป”
เหตุผลก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี กลายเป็นภาระที่เกิดขึ้นตามมาทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม
ถ้าซื้อบ้านเพราะคิดมาดีทุกอย่าง คำนวณครบแล้วว่ารับผิดชอบได้แน่นอน และรู้ว่าการขยับขยายเปลี่ยนที่อยู่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น ก็ซื้อได้
“ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาผมเช่าอยู่มาตลอด และผมหาเงินได้มากกว่าเพราะเอาเงินส่วนต่างระหว่างการเป็นเจ้าของบ้านและค่าเช่าบ้านไปลงทุนแทน”
ถ้าคุณจะซื้อบ้านอย่าลืมคำนวณทุกอย่างให้ครบ จอยเองก็ไม่ได้บอกว่าการเป็นเจ้าของบ้านเป็น “คำแนะนำแย่” เธอเพียงชี้ให้เห็นว่าความฝันแบบเดียวกันอาจไม่พอดีกับทุกชีวิต
ในช่วงเวลาที่ธุรกิจต้องการความคล่องตัวและพอร์ตการลงทุนของเธอตอบแทนได้ดี การเช่าช่วยให้เธอปรับขนาดที่อยู่อาศัยตามจังหวะชีวิต ย้ายได้เมื่อโอกาสใหม่เกิดขึ้น และสำคัญที่สุดดึงเวลาและพลังกลับมาใส่ในสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ทางการเงินจริงสำหรับครอบครัว เมื่อรวมกับบริบทปัจจุบันการเช่าจึงไม่ใช่ “การทิ้งเงิน” แต่คือการซื้อ “อิสระ + ตัวเลือก” ที่สำหรับบางคนอาจจะคุ้มยิ่งกว่าบ้านหลังใหญ่ที่ต้องซ่อมอยู่เสมอก็ได้
เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งคิดว่าต้องซื้อบ้านเท่านั้น แล้วคำนวณชีวิตของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เริ่มจากรวม “รายจ่ายที่ไม่อยู่ในค่ารายเดือน” ให้ครบถ้วน ประเมินความยืดหยุ่นที่อาชีพและครอบครัวต้องการ และถามว่าเงินก้อน ทั้งเงินดาวน์และเงินซ่อม จะทำงานได้คุ้มค่ากว่าตรงไหนกันแน่?
การตัดสินใจของจอยอาจไม่ใช่ของทุกคน แต่ก็เตือนเราว่า ความมั่งคั่งไม่ได้มาจากการทำตาม “ความฝันมาตรฐาน” ที่สังคมหรือคนอื่นบอกว่าต้องทำ หากมาจากการออกแบบสมการชีวิตที่เหมาะกับตัวเราเองมากกว่า
#aomMONEY #MakeRichGeneration #การเงินการลงทุน #ค่าใช้จ่ายแฝง
8 บันทึก
11
6
8
11
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย