Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
14 ก.ย. เวลา 07:16 • ข่าว
🐴 “บัญชีม้า“ = เส้นเลือดใหญ่ของอาชญากรรมออนไลน์ และโจทย์ใหญ่ที่สังคมไทยต้องแก้ให้ได้
💥 เมื่อผู้บริสุทธิ์กลายเป็นผู้ต้องหา?
* มีกรณีถูกนำเสนอในสื่อไทยหลายครั้ง เช่น คนทำงานประจำที่ถูกชักชวนให้เปิดบัญชีเพียงเพราะได้ค่าตอบแทนไม่กี่ร้อยบาท แต่สุดท้ายถูกอายัติบัญชีและถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ร่วมฟอกเงิน ทั้งที่ไม่รู้ตัวเองกำลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรม “นี่คือภาพสะท้อนจริงที่เกิดขึ้นกับคนไทยจำนวนมาก และไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป”
* มีผู้เสียหายบางรายเล่าว่าเพียงแค่เห็นโฆษณา “รับจ้างเปิดบัญชี ได้เงินทันที” ในกลุ่ม Line หรือ Facebook ก็ตัดสินใจเพราะต้องการเงินเล็กน้อย แต่สิ่งที่ตามมาคือหมายเรียกจากตำรวจ และชื่อเสียงที่เสียหายจนหางานใหม่ไม่ได้อีก บัญชีม้าจึงไม่ใช่แค่ปัญหาของ “ผู้ขายบัญชี” แต่คือภัยสาธารณะที่สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นผู้ต้องหาได้ในพริบตา
===
🧬 โครงสร้างบัญชีม้า? และทำงานอย่างไร?
บัญชีม้า (Money Mule Account) คือบัญชีเงินฝาก, บัตรเครดิต หรือ e-Wallet ที่เจ้าของเปิดหรือยกสิทธิ์ให้ผู้อื่นใช้เป็น “ทางผ่าน” เงินจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์, เว็บพนัน หรือการหลอกลงทุน เป็นต้น
“แหล่งที่มา?”
* มิจฉาชีพล่อลวงนักศึกษา คนว่างงาน หรือผู้เดือดร้อนทางการเงิน ผ่านโซเชียลมีเดีย เสนอค่าตอบแทนเล็กน้อยแลกกับการเปิดบัญชีแทน
* บางครั้งมีการปลอมเอกสารหรือใช้วิธีสวมตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเองแล้วปล่อยให้เครือข่ายหมุนเงิน
“เส้นทางการเงิน?”
* เงินที่ได้จากการหลอกลวงจะเข้าสู่บัญชีม้า → ถูกแตกเป็นยอดเล็กๆ → กระจายต่อหลายชั้น → แปลงเป็นคริปโต/เงินดิจิตัลอื่นๆ หรือส่งออกต่างประเทศ
* ตัวอย่างที่ถูกเปิดเผยบ่อยคือเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกโอนออกนอกประเทศในเวลาไม่ถึง 30 นาที เป็นต้น
“ผลลัพธ์?“
* เงินไหลออกจากระบบไทยในเวลาอันสั้น ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและธนาคารต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างหนัก
* ข้อมูล (มี.ค. 2568) ระบุว่ามีบัญชีต้องสงสัยถูกบล็อกแล้วกว่า 1.3 ล้านบัญชี และมีผู้ถูกจับกุมกว่า 7,455 ราย (ณ มิ.ย. 2568) ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่าปัญหานี้คือโครงสร้างใหญ่ของอาชญากรรมยุคดิจิทัล
===
⚖️ กฎหมาย —> เมื่อ “ไม่รู้” ไม่ใช่ข้อแก้ตัว
ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566
* การเปิด, ให้ยืม หรือขายบัญชี ถือเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท
* หากพิสูจน์ได้ว่ามีส่วนรู้เห็น อาจถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษหนักกว่าหลายเท่า
* คำแก้ตัวที่ว่า “ถูกหลอก” หรือ “ไม่รู้” ไม่เพียงพออีกต่อไปในสายตากฎหมาย และในหลายคดี ผู้ต้องหาไม่สามารถใช้ข้ออ้างเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงโทษได้จริง
===
🌐 Pain Point ระดับระบบ = “ทำไมถึงแก้ยาก?”
“Digital Footprint ที่ไร้รอยต่อ”
* Facebook, TikTok และ LINE กลายเป็นสนามล่าเหยื่อจริง การประกาศหาคนเปิดบัญชีม้าหรือขายซิมปรากฏแทบทุกวัน
* ตัวอย่างเช่น เพียงค้นหาคำว่า “รับจ้างเปิดบัญชี” ใน Facebook Marketplace จะพบโพสต์จำนวนมากที่ล่อตาล่อใจ การสกัดกั้นต้นทางจึงแทบเป็นไปไม่ได้เพราะเกิดบนแพลตฟอร์มข้ามชาติที่ควบคุมยาก
“ความเร็วของธุรกรรม”
* เงินถูกโอนต่อหลายชั้นภายในไม่กี่นาที เคยมีกรณีเหยื่อโอนเงินหลักแสนและถูกโอนต่อกว่า 10 บัญชีในเวลาไม่ถึง 15 นาที
* ธนาคารหลายแห่งยอมรับว่าการตรวจจับยัง “หน่วงเวลา” เมื่อเทียบกับกลยุทธ์ของมิจฉาชีพที่อาศัยระบบอัตโนมัติ
“การเชื่อมโยงข้อมูลที่ไม่ real-time”
* ระบบธนาคารไทยยังไม่สามารถเชื่อมข้อมูลได้ราบรื่นพอ เช่น หากธนาคาร A ตรวจพบพฤติกรรมต้องสงสัย ก็ยังไม่สามารถแจ้งเตือนธนาคาร B หรือ C ได้ทันที
* ทำให้การปิดกั้นธุรกรรมล่าช้า ผู้เสียหายจำนวนมากเล่าว่าแม้รีบแจ้ง แต่เงินก็ถูกโอนไปต่างธนาคารก่อนแล้ว
“แรงกดดันทางสังคม”
* คนบางกลุ่มยังมองว่า “แค่ให้เช่าบัญชี” ไม่ใช่อาชญากรรม ตัวอย่างจากข่าวตำรวจภูธรภาคต่างๆ พบว่านักศึกษาและแรงงานชั่วคราวถูกจับเพราะให้เช่าบัญชีในราคาไม่กี่ร้อยบาท
* สะท้อนว่าความเข้าใจเรื่องโทษยังต่ำและถูกกลบด้วยความต้องการเงินเร่งด่วน
“การใช้สกุลเงิน เช่น Crypto เป็นช่องทางใหม่”
* เมื่อเงินถูกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างคือหลายคดีที่สำนักงาน ปปง. รายงานว่าเงินถูกโอนเข้าสู่กระดานซื้อขายคริปโตต่างประเทศในเวลาไม่กี่นาที
* หากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ทันสมัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ ก็แทบปิดเส้นทางนี้ไม่ได้
====
🛡️ ป้องกันตัวเองกันยังไงดี?
1. ระดับบุคคล
* ห้ามโดยเด็ดขาด: อย่าเปิด, ให้ยืม, หรือขายบัญชี/ซิม ให้กับใคร เพราะทุกครั้งที่ทำคือการเซ็นสัญญากับความเสี่ยง
* สังเกตก่อนโอน: หากแอปธนาคารเตือนว่า “บัญชีต้องสงสัย” ให้หยุดทันที และตรวจสอบผ่านเว็บ “เช็กก่อนโอน” ของตำรวจไซเบอร์
* นาทีทองเมื่อถูกหลอก: โทร 1441 (AOC) และแจ้งความออนไลน์ทันที เพราะโอกาสอายัดสูงสุดอยู่ในไม่กี่นาทีแรก หลายกรณีที่ผู้เสียหายโทรทันที สามารถอายัดเงินคืนได้บางส่วน
2. ระดับสถาบันการเงิน
* ลงทุนในระบบ AI Fraud Detection ที่เรียนรู้พฤติกรรมผิดปกติและสกัดได้แบบเรียลไทม์ เช่น การโอนเงินเข้าหลายบัญชีภายในไม่กี่นาที
* เร่งพัฒนาการ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธนาคาร (interoperability) เพื่อปิดช่องว่าง “รับ–แตก–กระจาย” ที่เป็นหัวใจของการฟอกเงิน
* สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เช่น ธปท. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและปิดช่องโหว่แบบทันที
3. ระดับนโยบายสาธารณะ
* นำแนวทางของ FATF และมาตรการ “Take Five to Stop Fraud” ของสหราชอาณาจักรมาเป็นต้นแบบสื่อสารมวลชน ให้คนตระหนักและเปลี่ยนพฤติกรรมจริง
* ใช้ Public Awareness Campaign เข้าถึงเยาวชน คนทำงาน และกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงข่าวสั้นๆ หรือโพสต์เตือนที่หายไปในไม่กี่วัน
* ผลักดันกฎหมายครอบคลุมการใช้คริปโตในกระบวนการฟอกเงิน เพื่ออุดช่องโหว่ใหม่ที่กำลังขยายตัว โดยเฉพาะเมื่อมีแพลตฟอร์มต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
====
✨ จากภัยไซเบอร์สู่ภัยเศรษฐกิจระดับชาติได้ยังไง?
บัญชีม้าไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว แต่มันคือ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของระบบการเงินไทย หากไม่แก้ไข ความเชื่อมั่นในระบบการโอนเงินดิจิทัลจะถดถอย ผู้บริโภคจะไม่กล้าโอน ไม่กล้าลงทุน และเศรษฐกิจดิจิทัลไทยจะชะงักงัน
นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาด้านอาชญากรรม แต่เป็นโจทย์ระดับชาติที่ต้องการความร่วมมือของทุกภาคส่วน 🐴 “บัญชีม้า“ = เส้นเลือดใหญ่ของอาชญากรรมออนไลน์ และโจทย์ใหญ่ที่สังคมไทยต้องแก้ให้ได้
💥 เมื่อผู้บริสุทธิ์กลายเป็นผู้ต้องหา?
* มีกรณีถูกนำเสนอในสื่อไทยหลายครั้ง เช่น คนทำงานประจำที่ถูกชักชวนให้เปิดบัญชีเพียงเพราะได้ค่าตอบแทนไม่กี่ร้อยบาท แต่สุดท้ายถูกอายัติบัญชีและถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ร่วมฟอกเงิน ทั้งที่ไม่รู้ตัวเองกำลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรม “นี่คือภาพสะท้อนจริงที่เกิดขึ้นกับคนไทยจำนวนมาก และไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป”
* มีผู้เสียหายบางรายเล่าว่าเพียงแค่เห็นโฆษณา “รับจ้างเปิดบัญชี ได้เงินทันที” ในกลุ่ม Line หรือ Facebook ก็ตัดสินใจเพราะต้องการเงินเล็กน้อย แต่สิ่งที่ตามมาคือหมายเรียกจากตำรวจ และชื่อเสียงที่เสียหายจนหางานใหม่ไม่ได้อีก บัญชีม้าจึงไม่ใช่แค่ปัญหาของ “ผู้ขายบัญชี” แต่คือภัยสาธารณะที่สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นผู้ต้องหาได้ในพริบตา
===
🧬 โครงสร้างบัญชีม้า? และทำงานอย่างไร?
บัญชีม้า (Money Mule Account) คือบัญชีเงินฝาก, บัตรเครดิต หรือ e-Wallet ที่เจ้าของเปิดหรือยกสิทธิ์ให้ผู้อื่นใช้เป็น “ทางผ่าน” เงินจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์, เว็บพนัน หรือการหลอกลงทุน เป็นต้น
“แหล่งที่มา?”
* มิจฉาชีพล่อลวงนักศึกษา คนว่างงาน หรือผู้เดือดร้อนทางการเงิน ผ่านโซเชียลมีเดีย เสนอค่าตอบแทนเล็กน้อยแลกกับการเปิดบัญชีแทน
* บางครั้งมีการปลอมเอกสารหรือใช้วิธีสวมตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเองแล้วปล่อยให้เครือข่ายหมุนเงิน
“เส้นทางการเงิน?”
* เงินที่ได้จากการหลอกลวงจะเข้าสู่บัญชีม้า → ถูกแตกเป็นยอดเล็กๆ → กระจายต่อหลายชั้น → แปลงเป็นคริปโต/เงินดิจิตัลอื่นๆ หรือส่งออกต่างประเทศ
* ตัวอย่างที่ถูกเปิดเผยบ่อยคือเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกโอนออกนอกประเทศในเวลาไม่ถึง 30 นาที เป็นต้น
“ผลลัพธ์?“
* เงินไหลออกจากระบบไทยในเวลาอันสั้น ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและธนาคารต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างหนัก
* ข้อมูล (มี.ค. 2568) ระบุว่ามีบัญชีต้องสงสัยถูกบล็อกแล้วกว่า 1.3 ล้านบัญชี และมีผู้ถูกจับกุมกว่า 7,455 ราย (ณ มิ.ย. 2568) ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่าปัญหานี้คือโครงสร้างใหญ่ของอาชญากรรมยุคดิจิทัล
===
⚖️ กฎหมาย —> เมื่อ “ไม่รู้” ไม่ใช่ข้อแก้ตัว
ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566
* การเปิด, ให้ยืม หรือขายบัญชี ถือเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท
* หากพิสูจน์ได้ว่ามีส่วนรู้เห็น อาจถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษหนักกว่าหลายเท่า
* คำแก้ตัวที่ว่า “ถูกหลอก” หรือ “ไม่รู้” ไม่เพียงพออีกต่อไปในสายตากฎหมาย และในหลายคดี ผู้ต้องหาไม่สามารถใช้ข้ออ้างเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงโทษได้จริง
===
🌐 Pain Point ระดับระบบ = “ทำไมถึงแก้ยาก?”
“Digital Footprint ที่ไร้รอยต่อ”
* Facebook, TikTok และ LINE กลายเป็นสนามล่าเหยื่อจริง การประกาศหาคนเปิดบัญชีม้าหรือขายซิมปรากฏแทบทุกวัน
* ตัวอย่างเช่น เพียงค้นหาคำว่า “รับจ้างเปิดบัญชี” ใน Facebook Marketplace จะพบโพสต์จำนวนมากที่ล่อตาล่อใจ การสกัดกั้นต้นทางจึงแทบเป็นไปไม่ได้เพราะเกิดบนแพลตฟอร์มข้ามชาติที่ควบคุมยาก
“ความเร็วของธุรกรรม”
* เงินถูกโอนต่อหลายชั้นภายในไม่กี่นาที เคยมีกรณีเหยื่อโอนเงินหลักแสนและถูกโอนต่อกว่า 10 บัญชีในเวลาไม่ถึง 15 นาที
* ธนาคารหลายแห่งยอมรับว่าการตรวจจับยัง “หน่วงเวลา” เมื่อเทียบกับกลยุทธ์ของมิจฉาชีพที่อาศัยระบบอัตโนมัติ
“การเชื่อมโยงข้อมูลที่ไม่ real-time”
* ระบบธนาคารไทยยังไม่สามารถเชื่อมข้อมูลได้ราบรื่นพอ เช่น หากธนาคาร A ตรวจพบพฤติกรรมต้องสงสัย ก็ยังไม่สามารถแจ้งเตือนธนาคาร B หรือ C ได้ทันที
* ทำให้การปิดกั้นธุรกรรมล่าช้า ผู้เสียหายจำนวนมากเล่าว่าแม้รีบแจ้ง แต่เงินก็ถูกโอนไปต่างธนาคารก่อนแล้ว
“แรงกดดันทางสังคม”
* คนบางกลุ่มยังมองว่า “แค่ให้เช่าบัญชี” ไม่ใช่อาชญากรรม ตัวอย่างจากข่าวตำรวจภูธรภาคต่างๆ พบว่านักศึกษาและแรงงานชั่วคราวถูกจับเพราะให้เช่าบัญชีในราคาไม่กี่ร้อยบาท
* สะท้อนว่าความเข้าใจเรื่องโทษยังต่ำและถูกกลบด้วยความต้องการเงินเร่งด่วน
“การใช้สกุลเงิน เช่น Crypto เป็นช่องทางใหม่”
* เมื่อเงินถูกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างคือหลายคดีที่สำนักงาน ปปง. รายงานว่าเงินถูกโอนเข้าสู่กระดานซื้อขายคริปโตต่างประเทศในเวลาไม่กี่นาที
* หากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ทันสมัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ ก็แทบปิดเส้นทางนี้ไม่ได้
====
🛡️ ป้องกันตัวเองกันยังไงดี?
1. ระดับบุคคล
* ห้ามโดยเด็ดขาด: อย่าเปิด, ให้ยืม, หรือขายบัญชี/ซิม ให้กับใคร เพราะทุกครั้งที่ทำคือการเซ็นสัญญากับความเสี่ยง
* สังเกตก่อนโอน: หากแอปธนาคารเตือนว่า “บัญชีต้องสงสัย” ให้หยุดทันที และตรวจสอบผ่านเว็บ “เช็กก่อนโอน” ของตำรวจไซเบอร์
* นาทีทองเมื่อถูกหลอก: โทร 1441 (AOC) และแจ้งความออนไลน์ทันที เพราะโอกาสอายัดสูงสุดอยู่ในไม่กี่นาทีแรก หลายกรณีที่ผู้เสียหายโทรทันที สามารถอายัดเงินคืนได้บางส่วน
2. ระดับสถาบันการเงิน
* ลงทุนในระบบ AI Fraud Detection ที่เรียนรู้พฤติกรรมผิดปกติและสกัดได้แบบเรียลไทม์ เช่น การโอนเงินเข้าหลายบัญชีภายในไม่กี่นาที
* เร่งพัฒนาการ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธนาคาร (interoperability) เพื่อปิดช่องว่าง “รับ–แตก–กระจาย” ที่เป็นหัวใจของการฟอกเงิน
* สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เช่น ธปท. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและปิดช่องโหว่แบบทันที
3. ระดับนโยบายสาธารณะ
* นำแนวทางของ FATF และมาตรการ “Take Five to Stop Fraud” ของสหราชอาณาจักรมาเป็นต้นแบบสื่อสารมวลชน ให้คนตระหนักและเปลี่ยนพฤติกรรมจริง
* ใช้ Public Awareness Campaign เข้าถึงเยาวชน คนทำงาน และกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงข่าวสั้นๆ หรือโพสต์เตือนที่หายไปในไม่กี่วัน
* ผลักดันกฎหมายครอบคลุมการใช้คริปโตในกระบวนการฟอกเงิน เพื่ออุดช่องโหว่ใหม่ที่กำลังขยายตัว โดยเฉพาะเมื่อมีแพลตฟอร์มต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
====
✨ จากภัยไซเบอร์สู่ภัยเศรษฐกิจระดับชาติได้ยังไง?
บัญชีม้าไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว แต่มันคือ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของระบบการเงินไทย หากไม่แก้ไข ความเชื่อมั่นในระบบการโอนเงินดิจิทัลจะถดถอย ผู้บริโภคจะไม่กล้าโอน ไม่กล้าลงทุน และเศรษฐกิจดิจิทัลไทยจะชะงักงัน
นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาด้านอาชญากรรม แต่เป็นโจทย์ระดับชาติที่ต้องการความร่วมมือของทุกภาคส่วน—จากบุคคลธรรมดา สถาบันการเงิน ไปจนถึงรัฐบาลและพันธมิตรต่างประเทศ
“บัญชีม้า” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของมิจฉาชีพ แต่คือบททดสอบว่าวินัยพลเมืองไทยพร้อมหรือยัง ที่จะปกป้องตัวเองและอนาคตร่วมของประเทศ
====
📚 อ้างอิง
1. ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2568). รายงานมาตรการป้องกันบัญชีม้าและการฟอกเงิน.
2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. (2568). สถิติการจับกุมคดีบัญชีม้า.
3. FATF (2021). Money Mules: The Rapid Growth of Online Financial Crime.
https://www.fatf-gafi.org/en/topics/methods-and-trends.html
4. UK Finance. (2023). Take Five to Stop Fraud Campaign.
https://www.takefive-stopfraud.org.uk
#วันละเรื่องสองเรื่อง #บัญชีม้า #DigitalLiteracy #FinancialCrime #CyberSecurity #Thailand
ภัยออนไลน์
อาชญากรรม
เทคโนโลยี
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย