14 ก.ย. เวลา 08:39 • ครอบครัว & เด็ก
หากจะใช้คำว่า "วัยชรา" ก็จะหาหลักเกณฑ์ไมได้ เหมือนสตรีวัยกลางคนที่ไม่ใคร่จะพอใจนัก หากถูกเรียกขานว่า "ป้า" จึงเป็นที่มาให้ภาครัฐต้องแนะนำ ข้าราชการกระทรวง กรมกองต่างๆ ให้เรียกประชาชนที่มาใช้บริการว่า "คุณผู้หญิง" ค่ะ
สำหรับวัยชราในประเทศไทย ตามเกณฑ์สากลและที่ใช้กันทั่วไป จะหมายถึงผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ให้ถือเป็นผู้สูงอายุ ตามพรบ.ผู้สูงอายุ 2546 ซึ่งเมื่อกำหนดหลักเกณฑ์เช่นนี้ ก็จะทำให้ภาครัฐ สามารถวางงบประมาณและกำหนดหลักการในการจัดสวัสดิการสำหรับประชาชนพลเมืองในแต่ละช่วงวัยได้ถูกต้อง และตรงจุดที่สุดค่ะ
แต่กรมอนามัย หรือในแง่มุมนักวิชาการ กลับจำแนกว่า อายุ 65 ปีขึ้นไปต่างหาก จึงควรถือว่าอยู่ในวัยชรา อีกทั้งบริษัทเอกชน หน่วยงาน องค์กรเกือบทั่วโลก มักกำหนดเกษียณกันที่อายุเฉลี่ย 60 ปี แต่หลังจาก 60 ปี อาจมีการต่อสัญญาจ้างรายปี ตามแต่จะมองเห็นถึงคุณประโยช์ที่คนผู้นั้นจะมีต่อองค์กร แต่ส่วนมาก ก็จะต่อกันไม่เกิน 5 ปีอยู่ที่ นอกจากนี้ที่ออสเตรเลีย ภาครัฐก็ยังกำหนดหลักเกณฑ์อายุเกษียณที่ 65 ปี อีกด้วยค่ะ
ดังนั้น เท่ากับว่าอายุ 65 ปี ก็ควรต้องค่อยๆ ละคลายลงบ้างได้แล้ว เพื่อการประคับประคองร่างกาย และเยียายาจิตวิญญาณที่อาจสูญหายไปในระหว่างที่ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคปัญหาต่างๆในชีวิต ทั้งด้านการเรียน ชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว
ส่วนตัวมองว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับวัยชรา คือการที่ต้องให้ความสนใจกับจิตใจตนเองค่ะ ค่อยๆละคลาย ความยึดมั่นถือมั่นในตัวลูกหลานว่าต้องคิดถึงฉันนะ มาดูแลฉันนะ ความยึดมั่นถือมั่นว่าฉันยังไม่แก่นะ ฉันจะทำอย่างนี้ๆ อย่ามายุ่งกับฉันนะ อะไรแบบนี้ เพื่อให้เกิด state แห่งความพอประมาณในตนเองก่อน จากนั้นก็ดูว่าในแต่ละวัน ควรจะทำกิจกรรมใดบ้าง ที่พอตนพอประมาณค่ะ
คุณแม่ดิฉันเสียชีวิตในวัย 87 ปีค่ะ
นับได้ว่าท่านอายุยืนยาวพอประมาณ
แต่ก่อนเสียชีวิต ดิฉันมักให้ท่านบวกลบคูณหาร
แล้วต้องตอบดิฉันเป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว
ลูกสาวอย่างดิฉันได้ฝึกฝนภาษาแต้จิ๋วจากคุณแม่
คุณแม่ก็ได้ฝึกความว่องไวในตัวเลขกับลูกสาว
ได้มีส่วนช่วยลูกสาว คิดต้นทุนกำไร ไปโดยปริยาย
......................
อย่างนี้ก็เรียกว่า ได้ทำงานแล้วละ่ค่ะ
สรุปก็คือ มองหางานให้เหมาะกับตัวเองค่ะ
โฆษณา