Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฐานเศรษฐกิจ_Thansettakij
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 11:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เทียบรายได้รัฐมนตรี 'คนนอก' ครม.อนุทิน 1 จากหลักล้านเหลือหลักแสน
●
คณะรัฐมนตรี "อนุทิน 1" มีรัฐมนตรี "คนนอก" จากภาคเอกชนหลายรายที่ต้องยอมรับรายได้ที่ลดลงอย่างมาก จากเดิมที่เคยได้รับหลักล้านบาทต่อปีเหลือเพียงหลักแสนบาทต่อเดือน
●
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด โดยคาดว่ารายได้จะลดลงกว่า 90% จากที่เคยได้รับปีละกว่า 37 ล้านบาท เหลือเพียงเงินเดือนรัฐมนตรีประมาณ 1.39 ล้านบาทต่อปี
1
●
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีพลังงาน จะได้รับเงินเดือน 1.39 ล้านบาทต่อปี ซึ่งน้อยกว่ารายได้จากการเป็นกรรมการอิสระใน 2 บริษัทที่เคยได้รับถึง 2.22 ล้านบาทต่อปี
●
รัฐมนตรีคนนอกรายอื่น เช่น ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และนายสันติ ปิยะทัต ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งในบริษัทเอกชนซึ่งเคยได้รับค่าตอบแทนหลักแสนถึงล้านบาทต่อปีเพื่อมารับตำแหน่งทางการเมือง
การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี "อนุทิน 1" ที่นำ "คนนอก" จากภาคเอกชนเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง เมื่อผู้บริหารที่เคยได้รับค่าตอบแทนหลักสิบล้านบาทต่อปี ต้องมาปรับตัวกับเงินเดือนรัฐมนตรีที่อยู่ในระดับแสนบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลค่าตอบแทนของบุคคลสำคัญที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี พบว่าช่องว่างด้านรายได้ระหว่างการทำงานในภาคเอกชนกับการเป็นรัฐมนตรีมีความแตกต่างกันอย่างมาก
รายได้ระดับผู้นำประเทศ
●
นายกรัฐมนตรี: 125,590 บาท/เดือน (เงินเดือน 75,590 + เงินประจำตำแหน่ง 50,000) = 1.51 ล้านบาท/ปี
●
รองนายกรัฐมนตรี: 119,920 บาท/เดือน (74,420 + 45,500) = 1.44 ล้านบาท/ปี
รายได้ระดับรัฐมนตรี
●
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง: 115,740 บาท/เดือน (73,240 + 42,500) = 1.39 ล้านบาท/ปี
●
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง: 113,560 บาท/เดือน (72,060 + 41,500) = 1.36 ล้านบาท/ปี
รายละเอียดรายได้รัฐมนตรีคนนอก
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของการเสียสละทางการเงิน เมื่อต้องละทิ้งรายได้มหาศาลจากการดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในภาคเอกชน
จากข้อมูลค่าตอบแทนกรรมการในปี 2567 พบว่า นางศุภจีมีรายได้จากการเป็นกรรมการใน 3 บริษัทจดทะเบียนชั้นนำ ดังนี้:
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) - รายได้มากที่สุด 8.81 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าตอบแทนกรรมการ 1.8 ล้านบาท, กรรมการกลั่นกรองสินเชื่อ 840,000 บาท, ประธานกรรมการทรัพยากรบุคคล 150,000 บาท, กรรมการตรวจสอบ 540,000 บาท และเงินบำเหน็จ 4.73 ล้านบาท
บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) - รายได้ 2.47 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าตอบแทนกรรมการบริษัท 1.2 ล้านบาท, กรรมการตรวจสอบ 276,000 บาท และโบนัสกรรมการ 944,000 บาท
บริษัท ดุสิตธานี (DUSIT) - รายได้ 420,000 บาท จากค่าตอบแทนกรรมการรายเดือน 240,000 บาท และค่าตอบแทนรายครั้ง 180,000 บาท
รวมรายได้จากการเป็นกรรมการ 11.7 ล้านบาทต่อปี หากเทียบกับค่าตอบแทนเฉลี่ยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนที่ 26.7 ล้านบาทต่อปี คาดการณ์ว่า นางศุภจีในฐานะ CEO ดุสิตธานี จะมีรายได้รวมกว่า 37 ล้านบาทต่อปี
เมื่อเปรียบเทียบกับเงินเดือนรัฐมนตรีที่ประมาณ 2.4 ล้านบาทต่อปี หมายความว่า นางศุภจีต้องยอมรับรายได้ที่ลดลงมากกว่า 90% เพื่อมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีพลังงาน
นายอรรถพล หลังพ้นจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพลสามารถสร้างรายได้หลักล้านบาทจากการเป็นกรรมการอิสระ 2 บริษัทในระยะเวลาสั้นๆ ในปี 2567 ดังนี้:
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) - เข้ารับตำแหน่งกรรมการอิสระเมื่อ 1 สิงหาคม 2567 เพียง 4 เดือน แต่สร้างรายได้ได้ถึง 1.46 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ย 121,667 บาทต่อเดือน แบ่งเป็น:
●
ค่าตอบแทนกรรมการ 750,000 บาท
●
กรรมการกลั่นกรองสินเชื่อและการลงทุน 350,000 บาท
●
กรรมการกำกับดูแลกิจการ 180,000 บาท
●
กรรมการทรัพยากรบุคคลและกำหนดอัตราค่าตอบแทน 180,000 บาท
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) - เข้ารับตำแหน่งกรรมการอิสระเมื่อ 1 ตุลาคม 2567 เพียง 3 เดือน แต่ได้รับค่าตอบแทน 756,667 บาทต่อปี
รวมรายได้ที่ได้รับจาก 2 บริษัท 2.22 ล้านบาทต่อปี หรือ 184,722 บาทต่อเดือน
เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอรรถพลจะได้รับรายได้ 115,740 บาท/เดือน หรือ 1.39 ล้านบาท/ปี ซึ่งยังคงน้อยกว่ารายได้จากการเป็นกรรมการอิสระใน 2 บริษัทอยู่ถึง 37% หรือลดลง 830,000 บาทต่อปี หากนายอรรถพลยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระต่อไป รายได้จากสองบริษัทนี้เพียงอย่างเดียวก็เกือบเท่ากับเงินเดือนรัฐมนตรีแล้ว
สันติ ปิยะทัต ว่าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการ
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 นายสันติ ปิยะทัต ได้มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงของ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI โดยได้รับค่าตอบแทนจากการเป็นกรรมการ (ที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร) รวม 108,999.96 บาทต่อปี หรือเฉลี่ยราว 5,333.33 บาทต่อเดือน รวมถึงค่าตอบแทนจากการรับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง จะได้รับค่าเบี้ยประชุม 45,000 บาทต่อปี
เมื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) KC พบว่า ณ วันปิดสุดล่าสุด 26 มีนาคม 2568 ยังพบชื่อนายสันติ ปิยะทัต ถือหุ้นจำนวน 98,406,033 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.14% แต่ไม่มีรายชื่อในส่วนการบริหารของ KC แต่อย่างใด
ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ว่าที่รองนายกฯ
ขณะที่ ศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็ได้ประกาศการลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ กรรมการ จากบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ด้วยเช่นเดียวกัน
โดย ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากได้รับการทาบทามให้การดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีความจำเป็นต้องลาออก มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2568 เป็นต้นไป (ว่าที่รองนายกฯ ด้านกฎหมายของ ครม. อนุทิน 1)
ทั้งนี้ เมื่อมาดูค่าตอบแทนที่ ดร.บวรศักดิ์ ได้รับจากการเป็นประธานกรรมการ ในปี 2567 มีมูลค่ารวมกว่า 1,040,000 บาท หรือเฉลี่ยประมาณ 104,000 บาทต่อเดือน แบ่งออกเป็นค่าตอบแทน 960,000 บาท และค่าเบี้ยประชุม 80,000 บาท (ยังไม่นับรวมค่าตอบแทนจากการเป็นกรรมการอิสระ)
thansettakij.com
เทียบรายได้รัฐมนตรี ‘คนนอก’ ครม.อนุทิน 1 จากหลักล้านเหลือหลักแสน
เปรียบเทียบรายได้รัฐมนตรี ‘คนนอก’ ครม.อนุทิน 1 ศุภจี สุธรรมพันธุ์-อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์-สันติ ปิยะทัต-บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จากผู้บริหารหลักสิบล้านสู่รัฐมนตรีหลักแสนบาท
1 บันทึก
4
1
2
1
4
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย