15 ก.ย. เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เรื่องราวของศุภจี สุธรรมพันธุ์

ทำความรู้จัก ‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ แม่ทัพหญิงแห่งดุสิตธานี ตำนาน CEO อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ IBM
ถ้าให้พูดถึงหนึ่งใน Movement ที่ประชาชนคนทั่วไปจับตามองอย่างมากเพราะถือเป็นก้าวแรก ๆ ในการปักธงของรัฐบาลอนุทิน คือการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีประจำกระทรวง และก็ดูเหมือนว่าก้าวแรกนี้ก็สร้างจุดสนใจเป็นวงกว้างกับการแต่งตั้งคุณ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” CEO กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย
ทำไมการแต่งตั้ง ‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ (คุณแต๋ม) ถึงเป็นที่ฮือฮามากขนาดนี้ เธอคนนี้เป็นใครและเก่งแค่ไหน บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักพร้อม ๆ กัน
#ศุภจี สุธรรมพันธุ์
คุณศุภจี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน และการบัญชีต่างประเทศ มหาวิทยาลัย Northrop สหรัฐอเมริกา การศึกษาของคุณศุภจีไม่ได้หยุดอยู่แค่ใบปริญญาในระดับมหาวิทยาลัย แต่ยังมีการอบรมในหลักสูตรระดับสูงต่าง ๆ อีกมากมาย ถ้าให้เขียนบรรยายให้ครบ บทความนี้คงกินความยาวมากเกินไป
เรียกได้ว่าคุณศุภจีเป็นหนึ่งในคนคนไทยที่เติมเต็มความรู้ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้เป็นเหมือนคาแรคเตอร์และแพสชันของเธอ
คุณศุภจีเคยสัมภาษณ์กับทาง ‘Gen ยัง Active’ ไว้ว่า การมองหาเรื่องใหม่ ๆ เปิดใจที่จะยอมรับและเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว ไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต คือการเติมเต็มแพสชันของคุณศุภจี เธอยังนิยามตัวเองว่าตนคือคน ‘ธรรมดา ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ได้รอบรู้ทุกอย่าง’ แต่เธอคือคนที่พยายามที่จะเรียนรู้
ถึงแม้คุณศุภจีจะนิยามว่าตนจะธรรมดายังไง ไม่เก่งยังไง แต่ดูเหมือนว่า บริษัทระดับโลกจากอเมริกาอย่าง International Business Machines (IBM) จะไม่คิดเช่นนั้น
#CEO ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาษสตร์ของ IBM
IBM คือบริษัทดับโลกด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และบริการด้านไอที ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1911 และคุณศุภจีคือคนไทยคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ IBM ประเทศไทยในวัยเพียง 38 สร้างชื่อเป็น CEO ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ IBM
1
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่ทำงานกับบริษัทบิ๊กเทคฯ ระดับโลกก็ว่าได้ และการทำงานกับบริษัทระดับโลกแบบนี้เป็นเครื่องสะท้อนว่าความสามารถของคุณศุภจีได้รับการยอมรับแค่ไหน
คุณศุภจีให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์การทำงานกับบริษัทบิ๊กเทคฯ ระดับโลกไว้ใน The Momentum ว่าการทำงานกับบริษัทระดับโลกนานกว่า 23 ปี ทำให้เธอเข้าใจความคิดพื้นฐานของคนหลากหลายเชื้อชาติ ได้เห็นกระบวนการทำงานของบริษัทที่ต้องทำงานร่วมกับหลาย ๆ ประเทศ
กล่าวได้ว่าเห็นทั้ง “มาตรฐาน” “ระเบียบ” และ “แนวคิด” ในระดับโลก และแน่นอนการทำงานกว่า 23 ปี ในสภาพแวดล้อมนี้ทำให้คุณศุภจีเป็นมากกว่าคนธรรมดาที่เธอนิยามตัวเอง
ในประเทศไทยจะมีคนไทยซักกี่คนที่ได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานเช่นนี้ เป็นคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการกำหนดนโยบายและบริหารบริษัทระดับโลก แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญของคุณศุภจีก็มาถึง
คุณศุภจีไม่ได้อยากเป็นคนไทยในบริษัทระดับโลก แต่อยากเป็นคนไทยที่พาบริษัทของไทย “ไปสู่ระดับโลก”
เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางกลับมายังประเทศไทย ในการเข้าร่วมกับบริษัท ไทยคม จํากัด (มหาชน) ในปี 2554
#คนไทยที่พาบริษัทไทย ไปสู่ระดับโลก
ในตอนที่คุณศุภจีเข้าร่วมทีมบริหารไทยคม (บริษัทแรกและบริษัทเดียวของประเทศไทยที่เป็นผู้ให้บริการธุรกิจดาวเทียมเชิงพาณิชย์) ก่อนหน้านั้นไทยคมขาดทุนสะสมติดต่อกัน 5 ปีติด เป็นช่วงเวลาที่ถือว่าบริษัทกำลังเข้าขั้นวิกฤต เป็นงานที่ท้าทายและยากมากสำหรับคุณศุภจี
ทว่าภายหลังการบริหารไปได้แค่ช่วงสั้น ๆ 1 ไตรมาส ไทยคมภายใต้การบริหารของคุณศุภจีก็พลิกฟื้นกลับมามีกำไร และภายในระยะเวลา 4 ปี คุณศุภจีก็สามารถนำพาไทยคมฟื้นตัวจากภาวะขาดทุนไปสู่ความมั่นคงทางธุรกิจได้ในปี 2559 เรื่องนี้เธอคือหนึ่งในคนที่ควรได้รับเครดิตเต็ม ๆ แต่คุณศุภจีกลับพูดถึงเรื่องนี้อย่างถ่อมตัวว่า
1
“เราโชคดีที่มีทีมงานที่ดี ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้”
คุณศุภจีไม่ลืมที่จะให้เครดิตและชื่นชมคนในทีม เรื่องนี้ถูกบอกเล่าไว้ในบทสัมภาษณ์กับทาง The Momentum
นี่เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ตัวตนของคุณศุภจีสะท้อนออกมา จากช่วงแรกที่เธอบอกว่าตนคือผู้หญิงธรรมดา ไม่ได้เก่งอะไร มาตอนนี้เธอก็ไม่ลืมที่จะยกเครดิตความสำเร็จให้กับคนในทีมอีก
จากอุปนิสัยที่เราสัมผัสได้ ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำงานกับ IBM กอปรกับการเป็นคนที่ทำงานหนัก ใช้ชีวิตการทำงานด้วยแนวคิด Work-Life Integration’ เราในฐานะคนไทยสามารถเชื่อได้เลยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยคนนี้ #ไม่ธรรมดา
#คนระดับนี้ ‘นายกรัฐมนตรี’ ต้องคุยเอง
ภายหลังจากการดำรงตำแหน่งเป็น CEO ที่ไทยคม คุณศุภจีได้เข้าไปเป็นกรรมการบริหารของดุสิตธานี แรก ๆ คุณศุภจีตั้งเป้าเป็นเหมือนโค้ชผู้ให้ความรู้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ และเป็นกรรมการฯ แต่ไม่นานคณะกรรมการบริษัทก็เชิญให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร จากที่ทำบริษัทด้านเทคมาทั้งชีวิต พลิกผันมาทำงานกับบริษัทด้านการบริการ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับ GDP ของประเทศไทยโดยตรง
วันที่คุณศุภจีเข้ารับตำแหน่ง CEO ของดุสิตธานี โรงแรมในเครือมีเพียง 20 แห่งจาก 8 ประเทศ แต่พอสิ้นปี 2024 ดุสิตธานีมีโรงแรมในเครือ 300 แห่งจาก 20 ประเทศ จากผลงานที่เป็นที่ประจักษ์เชื่อได้ว่า ณ จุดนี้ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของคุณศุภจีแน่ ๆ
1
ทว่าในเวลานี้ดุสิตธานีกลับมีปัญหาเกิดขึ้นภายใน (ที่ไม่ได้มาจากการบริหาร) สื่อไทยใช้คำว่าศึกสายเลือด, ดราม่าบ้านใหญ่, เลือดข้น หุ้นขม ฯลฯ คือปัญหาที่ดุสิตธานีเผชิญอยู่คือเรื่องของการแบ่งมรดก ถ่ายโอนความั่งคั่งของคนในตระกูลระหว่าง 3 พี่น้อง
ซึ่งปัญหานี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่กระทบกับการบริหารของคุณศุภจี แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นเหมือนโอกาสให้คุณศุภจีเช่นกัน และอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญของคนไทยทุกคนเลยด้วยซ้ำ เพราะนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 32 อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ทาบทามคุณศุภจีเป็นการส่วนตัวให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผลลัพธ์ก็เป็นที่ปรากฎในข่าววงกว้าง คุณศุภจี ตอบรับคำเชิญ ก้าวเท้าเข้าสู่การบริหารประเทศอย่างเต็มตัวครั้งแรก
#สู่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
การตัดสินใจของคุณศุภจีครั้งนี้อาจถือเป็นก้าวสำคัญอย่างมากในชีวิตเลยก็ว่าได้ จากเดิมที่บริหารบริษัทเอกชนมาตลอด มาวันนี้ตอบรับเป็น รมว.กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการค้า ธุรกิจบริการ ทรัพย์สินทางปัญญา ดูแลผู้บริโภค ฯลฯ เป็นการทำงานที่มีผลกับชีวิตคนไทยโดยตรง
จริง ๆ งานลักษณะนี้เป็นเหมือนงานที่ ‘ทำดีเสมอตัว ทำไม่ดีโดนด่า’ ต้องเคารพหัวจิตหัวใจของคุณศุภจีจริง ๆ ที่ตอบตกลงเข้ามารับงานบริหารตรงนี้แม้อาจจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็เป็นงานที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากหลายปัจจัยที่จะต่างจากการบริหารงานเอกชนอย่างมาก
1
Movement นี้ในการแต่งตั้งคนที่มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์มาบริหารประเทศถือเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน ในมุมหนึ่งยังเป็นการพิสูจน์ฝีไม้ลายมือของคุณศุภจีอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งงานยากที่คุณศุภจีจะต้องเผชิญ
แต่เรื่องนี้กลับเป็นสิ่งที่คุณศุภจียินดีจะทำ เป็นเหมือนคุณค่าชีวิตที่คุณศุภจียึดถือ
“ตอนที่ยังอายุไม่มาก เป้าหมายคือการประสบความาสำเร็จ
แต่ตอนนี้เป้าหมายของแต๋ม คือการทำอย่างไรที่จะสร้างผลกระทบที่ดีให้คนรุ่นหลังต่อไป”
ปัจจุบัน ครม.อนุทิน1 ที่เป็นการดึงสายตรงมืออาชีพมาร่วมทัพที่น่าจับตามองมาก ๆ มีดังนี้
รภัค ธันยาวงษ์ อดีตเบอร์ 1 ธ.กรุงไทย นั่ง รมช.คลัง
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตเบอร์ 1 ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัด ก.ต่างประเทศ นั่ง รมต.
และคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ CEO ดุสิตธานี นั่ง รมว.พาณิชย์
ถ้าจะต้องบริหารประเทศในระยะเวลาสั้น ๆ ให้ประชาชนเห็นผลลัพธ์ทันตาก็ต้องเริ่มจากก้าวแรกแบบนี้แหละ เอาคนที่มีความสารถจริง ๆ เก่งจริง ๆ มาบริหารประเทศ และถ้าผลลัพธ์สุดท้ายออกมาดี นี่อาจเป็นการอยู่สั้นเพื่ออยู่ยาวของนายกอนุทิน ชาญวีรกูล ก็เป็นได้
1
อ้างอิง
Capitalread
The Momentum
Gen ยัง Active
The Matter
Thai PBS
โฆษณา