16 ก.ย. เวลา 03:40 • ความคิดเห็น
เรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญมาก คือเรื่องนักบวชกับพลังของผู้หญิงครับ ถ้าคนๆหนึ่งไม่เคยผ่านเรื่องผู้หญิงมาเลย ไม่เคยนอนกับผู้หญิง ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยผ่านประสบการณ์ทางเพศ วันหนึ่งพอมาเจอเข้าจริงๆมันจะเกิดความอยากรู้ ความกระสันใคร่ และความคิดปรุงแต่งวาบหวามขึ้นมาได้ง่ายมาก มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ก็เป็นกับดักใหญ่ของนักบวชเช่นกัน
อย่าดูถูกพลังของผู้หญิงนะครับ เพราะมันเหมือนพลังของยักษ์ มีอานุภาพดึงดูดมหาศาล ถ้าจิตใจไม่แข็งพอ หรือไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ย่อมหวั่นไหวและแพ้ได้ง่าย ต่างจากเจ้าชายสิทธัตถะที่เคยผ่านโลกมาแล้ว ผ่านเรื่องผู้หญิง ความรัก ความสุขทางกายมาแล้ว จึงเห็นความจริงชัดเจนและเกิดความเบื่อหน่าย จนสามารถก้าวข้ามและบวชได้อย่างมั่นคงครับ
และนี่ก็สะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์เรามีวันที่จะเปลี่ยนแปลงได้ครับ ต่อให้วันนี้พูดธรรมะได้ไพเราะลึกซึ้ง สุดท้ายก็อาจเสื่อมได้ แต่พระธรรมไม่เคยเสื่อมเลย นี่คือเหตุผลว่าทำไมธรรมะถึงสอนว่า “ให้ยึดพระธรรม แต่อย่ายึดติดตัวบุคคล” ต่อให้พระท่านที่เราศรัทธาจะมีข่าวลือจริงหรือไม่จริง เราก็เลือกที่จะวางใจ ปล่อยท่านไป แล้วเก็บเอาพระธรรมมาเป็นที่พึ่งแทน
มันคือความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เป็นธรรมดาของใจครับ เวลามีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับคนที่เราเคารพศรัทธา มันก็เหมือนตอนเราได้ข่าวลือเรื่องแฟน… ใจหนึ่งเรายึดมั่นในความมั่นใจ แต่อีกใจก็หวั่นไหว กลัวว่าสุดท้ายมันจะเป็นความจริง
สุดท้ายนี้ผมอยากฝากถึงเจ้าของกระทู้ว่า บางทีเราอาจลองขยับจากการศรัทธาตัวตนบุคคล มาสู่การศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเองแทนก็ได้นะครับ ผมอ่านหลายๆความคิดเห็นของคุณแล้ว รู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งคุณเลือกจะบวชจริงๆ คุณอาจทำได้ดีกว่าหลายๆคนด้วยซ้ำ คิดว่าผู้ตั้งกระทู้ผ่านเรื่องผู้หญิงมามากมายพอสมควรนะครับ
โฆษณา