เมื่อวาน เวลา 04:03 • ความคิดเห็น
ที่รักเอ๋ย....
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ คือ "คนธรรมดาคนหนึ่ง" ที่แม้จะเรียนจบจปร.วิศวะ และพ่วงด้วยรัฐศาสตร์จุฬา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการงาน "จึงหันหน้าออกห่มผ้าเหลือง" และด้วยความที่ท่านการศึกษาไม่ธรรมดา จึงยังมีอัตตาอยู่มาก ทำให้เน้นหนักไปที่ด้านปริยัติอย่างหนัก เท่านั้นยังไม่พอ ท่านยังพยายามจะเผยแพร่แนวคิดที่สุดโต่ง คือการรับปาติโมกข์เพียง 150 ข้อ ไม่รับ 227 ข้อ เหมือนสงฆ์หมู่ใหญ่ แม้ว่าพระผู้ใหญ่จะได้พยายามตักเตือนท่านแล้วก็ตาม ตรงนี้ที่เรามองท่านตั้งแต่ครั้งนั้นว่า "ท่านมีอัตตาสูงจนความเขลาครอบงำ"
เราไม่ได้มีเจตนาจะชี้ว่าท่านผิด
แต่เรากำลังจะบอกว่าท่านสุดโต่ง
จนเป็นเหตุให้สงฆ์แตกแยกแบ่งฝักฝ่าย
......................
แต่ที่สุดก็ไม่มีใครสนใจเอาเรื่องเอาราวอะไรกับท่าน
จะมีก็แต่ข่าวลบในห้วงเวลาที่ท่าน
เริ่มจัดพิมพ์หนังสือพุทธวจน
"พุทธวจน" ที่ท่านพยายามจะเผยแพร่ พวกเราก็ทราบกันดีว่า ท่านคัดมาจาก "พระพุทธพจน์" ในพระไตรปิฏกนั่นแหละ ภาษาบ้านๆ คือ ท่านพยายามจะคัดเอาเฉพาะสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ว่า "พระพุทธเจ้าพูดว่าอย่างนี้ๆ" ที่เหลือคนอื่นๆพูด จึงไม่ต้องไปสนใจ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านเถรตรงจนละเลยพระอรรถกถา และสิ่งนี้แหละ ที่ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต) ก็ได้เคยทักท้วงอ้อมๆไป อย่างเมตตาและมารยาท แต่ท่านก็หาได้รับฟังไม่
เราไล่มาเสียยืดยาว เพื่อให้เรียนรู้ "ถึงร่องรอยชีวิตคนธรรมดา" แม้แต่เราเอง เวลาอ่านหนังสือ ก็จะดูประวัติผู้เขียนผู้แต่งก่อนเสมอ ถ้าเป็นใครที่ไม่รู้จัก เราแทบจะไม่หยิบมาอ่านเลย นี่เราก็ยังยึดติดตัวบุคคลอยู่เลยนะ "แทนที่จะอ่านเพียงเนื้อหา และศึกษาค้นคว้าต่อ" ไม่ต่างกันหรอกค่ะ
และในตอนนี้ ก็มาถึงข่าวตั้งข้อหา "เสพเมถุน และฟอกเงิน" ของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ที่ดูจากแหล่งข่าวแล้ว ที่สุดท่านต้องลาสิกขาแน่นอน แต่ "พุทธวจน" ยังคงอยู่ รอคอยให้คนทั่วไปได้ลองอ่าน ลองทำความเข้าใจเจตนาผู้เผยแพร่ และการศึกษาค้นคว้าต่อไป
เรายังคงยืนยันว่า
โลกหลังพุทธกาลเป็นต้นมา
ไม่มีพระสงฆ์รูปใด ที่เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้น
มีเพียงคนธรรมดาที่หันหน้าห่มเหลือง
แต่ยังคงยุ่งเกี่ยวกับทางโลก ละไม่ได้โดยสิ้นเชิง
มีแต่พวกเราที่ทึกทักกันไปเอง
....................
2
โฆษณา