16 ก.ย. เวลา 04:24 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Naked Gun เลียม นีสันหน้าตายในหนังสุดโต่ง ท้าทายต่อมความฮา

สิ่งที่ผมชอบที่สุดในหนังเวอร์ชั่นนี้คือกลิ่นอายของหนังบู๊ยุค 80s อย่าง Beverly Hills Cop , 48 Hrs รวมไปถึงเพลงประกอบที่หลุดมาจากยุคนั้น และหลายๆ ฉากทำออกมาเหมือนมิวสิควิดีโอซึ่งในหนังยุค 80 นิยมกัน รวมไปถึงการกลับไปคารวะหรืออำหนังของเดิมที่เลสลี่ เนลสันแสดงไว้ จนดูเหมือนหนังภาคนี้เป็นหนังล้อเลียนหนังมากกว่าจะเป็นหนังตลกหลุดโลกแบบยุคเก่า ซึ่งกลายเป็นว่าคนดูที่ไม่รู้จักต้นฉบับหนังที่นำมาล้อเลียน อาจจะไม่เก็ทมุกที่ใส่เข้ามา
The Naked Gun เวอร์ชันใหม่เปี่ยมไปด้วยความเหลวไหล ไร้สาระ และหยาบโลนแบบตรงไปตรงมา หนังเต็มไปด้วยมุกบ้าบอทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียน Buffy the Vampire Slayer และ Sex and the City รวมถึงมุกสุดพีคที่พาไปแตะต้องถึงคดี OJ Simpso รวมไปถึงล้อเลียนหรือคารวะต่อหนัง Airplane! ในฉากต่อสู้กันแล้วกล้องแพนออกกว้างเผยให้เห็นคนร้ายต่อคิวอย่างเรียบร้อยมารอให้พระเอกอัดหน้า
เลียม นีสันสวมบทเป็นผู้หมวดแฟรงก์ เดรบิน จูเนียร์ลูกชายของนายตำรวจลอสแอนเจลิสผู้โด่งดังที่เลสลี่ นีลสันเคยสวมบท โดยข้างกายเขามีคู่หูที่รับบทโดยพอล วอลเตอร์ เฮาเซอร์ ในฐานะกัปตันเอ็ด ฮ็อคเคน จูเนียร์ลูกชายของคู่หูเดิมที่จอร์จ เคนเนดีเคยรับบท ทั้งคู่ต้องสืบสวนคดีฆาตกรรมชายปริศนาที่ถูกพบเป็นศพในรถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำ ซึ่งพัวพันกับมหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ผู้ลึกลับริชาร์ด เคนที่แสดงโดยแดนนี ฮัสตัน
ท่ามกลางการคลี่คลายคดีฆาตกรรม เดรบินกลับตกหลุมรักเบธพี่สาวของผู้ตาย ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายอาชญากรรม รับบทโดยพาเมลา แอนเดอร์สัน(ที่แก่ไปมากตรน่าใจหาย)
มุกตลกทั้งเรื่องของหนังจะท้าทายต่อมความขำผสมความอดทนของผู้ชม ขึ้นอยู่กับผู้ชมแต่ละคนเลยว่าจะรับหรือเก็ทได้แค่ไหน แต่เอาเข้าจริงแล้วผมรู้สึกว่าคนรุ่นใหม่ นักดูหนังยุคนี้จะสนุกกับหนังแบบนี้อีกไหม(แต่ตนเองแทบจะไม่มีเสียงหัวเราะรอดออกมาเลย)
ส่วนเลียม นีสัน ช่วยส่งเสริมหนังได้อย่างมาก เลียม นีสันสามารถพลิกจากบทแอ็กชันที่เขาสร้างชื่อใน Taken มาล้อเลียนภาพลักษณ์ตำรวจจอมโหดได้อย่างแนบเนียน ตัวละครแฟรงก์ เดรบิน จูเนียร์ ยิ่งทำตัว “เกินขอบเขต” กว่าพ่อเสียอีก เขาทำผิดกฎหมายก็ยังเชิดหน้าแล้วถามว่า “ใครจะมาจับฉันล่ะ ตำรวจเหรอ ตำรวจไม่จับตำรวจหรอกน่า” หรือแม้แต่มุกหน้าตาย โง่ๆ ซื่อๆ เขาก็ทำได้ดี แต่จะแตกต่างจากเลสลี เนลสันตรงที่นีสันหน้าตายตลกแบบหน้าไร้อารมณ์ดูจริงจังตลอกเวลา ขณะที่เนลสันให้ความรู้สึกไม่จริงจังแต่ดูไร้เดียงสา
ซึ่งหนัง The Naked Gun ฉบับนี้ไม่ใช่การรีบูท แต่เป็นเหมือนเป็นการส่งต่อให้รุ่นลูก แม้ตัวละครที่พวกเขาเล่นจะชื่อแฟรงก์ เดรบินเหมือนกัน
นั่นคือ เลียม นีสัน เอง สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยิ้มได้แทบตลอดเวลา คือการที่นีสันนำความจริงจังสุดขีดของเขามาปะทะกับเนื้อหาที่ไร้สาระสุดโต่ง และกลืนนักแสดงทุกคนไปใน The Liam Neeson Show
หนังแบบนี้สรุปคะแนนยากขึ้นอยู่กับรสนิยมจริงๆ ส่วนตัว 5/10
โฆษณา