16 ก.ย. เวลา 08:00 • ข่าว

เงินในบัญชีของเรา…จริงหรือ?

ข่าวคราวเรื่องการอายัดบัญชีที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมช่วงนี้ สะท้อนภาพที่น่าคิดมากกว่าแค่ “บัญชีม้า” หรือ “คอลเซ็นเตอร์” แต่มันคือคำถามใหญ่ต่อระบบการเงินทั้งระบบ ว่าเงินในบัญชีธนาคารที่เราเห็นตัวเลขกันทุกวันนั้น มันเป็น “ของเรา” จริงๆ หรือเปล่า
หลายคนที่ถูกอายัดบัญชี ไม่ใช่เพราะทำผิด แต่เพราะตกเป็นเหยื่อจากความผิดพลาดของผู้อื่น หรือถูกลากเข้าไปอยู่ในเครือข่ายที่ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ผลลัพธ์คือพริบตาเดียว เงินทั้งหมดที่มีโดนอายัดไปจากการเข้าถึง ใช้จ่ายไม่ได้ โอนออกไม่ได้ ไม่ต่างจากถูกถอดปลั๊กออกจากระบบเศรษฐกิจสังคมในทันที
จุดเริ่มต้นของวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น
หากเรื่องนี้ยังยืดเยื้อ ความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารย่อมสั่นคลอน และอย่าลืมว่าธนาคารพาณิชย์อยู่ได้เพราะ “เงินฝากของประชาชน” หากประชาชนจำนวนมากพร้อมใจกันถอนเงินออกมา แม้เพียง 20–30% ก็จะสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อสภาพคล่องของธนาคาร ถึงแม้ในความเป็นจริง ธนาคารไทยถูกกำหนดให้ถือ สินทรัพย์สภาพคล่องสูง (LCR ≥100%) เพื่อรองรับวิกฤต มาตราการอื่นๆของทางธนาคาร และยังมีธนาคารกลางคอยหนุนหลัง แต่สิ่งที่ไม่อาจซ่อมได้ง่ายคือ ความเชื่อมั่น — เมื่อมันแตกหัก เศรษฐกิจก็สั่นสะเทือนได้ทันที
ชีวิตที่ถูก “ตัดออกจากระบบ”
สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดไม่ใช่แค่การใช้เงินไม่ได้ แต่คือการที่บุคคลเหล่านี้ถูกตัดขาดจากสิทธิพื้นฐานที่ควรเข้าถึงได้ — ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินเดือน, การจ่ายค่ารักษาพยาบาล, การโอนค่าเทอมให้ลูก, หรือแม้แต่การใช้แอปเล็กๆ อย่างการสั่งอาหารและเดินทาง ทุกอย่างผูกติดกับธนาคารทั้งหมด
เมื่อบัญชีถูกอายัด คนๆ หนึ่งที่ยังแข็งแรงและมีความสามารถในการทำมาหากิน กลับกลายเป็นเหมือน “บุคคลเร่ร่อน” ที่อยู่นอกระบบ ที่เข้าไม่ถึงไม่มีหลักประกัน ไม่มีสวัสดิการรองรับ ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาคือประชาชนผู้เสียภาษีและผลิตภาพของประเทศที่สมควรได้รับการคุ้มครอง นี่ต่างหากคือความโหดร้ายที่สุดของระบบที่ขาดกลไกเยียวยา
บทเรียนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เรื่องทั้งหมดเริ่มจากอาชญากรรมเศรษฐกิจอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อาศัยช่องโหว่และความอ่อนแอของระบบมาหลอกลวง แต่ผลสะเทือนกลับหนักกว่านั้นมาก เพราะมาตรการที่ออกมารับมือ กลายเป็นดาบสองคมที่กระทบคนบริสุทธิ์จำนวนมาก จนความเชื่อมั่นทั้งระบบสั่นสะเทือน
สัญญาณเตือนอนาคต
เราอาจหัวเราะกับภาพที่ดูขำๆ ของร้านอาหารธรรมดาๆที่ปิดป้ายงดรับ QR ชั่วคราว เพราะกลัวจะโดนโอนจากบัญชีแปลกๆและโดนแจ้งอายัด มองลึกลงไป มันคือสัญญาณเตือนว่า สังคมกำลังตั้งคำถามต่อโครงสร้างการเงินเดิม
ชวนคิดเพิ่มเติมจะเป็นยังไงถ้าร้านค้าทั่วไปรับสแกนเป็น เช่น คริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ถูกอายัดโดยบุคคลที่สาม หากเจ้าของถือกุญแจไว้เอง
🤔
สุดท้าย
นี่คือบทเรียนใหญ่ที่เราควรเรียนรู้ว่า “ภัยจากอาชญากรรมเล็กๆ” อย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “วิกฤตใหญ่” ในระดับเศรษฐกิจประเทศได้ หากรัฐและระบบธนาคารไม่รีบหาทางแก้ไขที่สร้างความมั่นใจให้ประชาชนโดยเร็ว
และที่สำคัญ เราต้องไม่ลืมเสียงของคนที่ถูกอายัดบัญชี เพราะเขาไม่ได้สูญเสียแค่ “สิทธิการใช้เงิน” แต่สูญเสีย “สถานะของการเป็นพลเมืองในระบบ” ไปด้วย
เอาไปเล่น เพื่อฝึกคิดว่าใครกำลังหลอกเราด้วยผลประโยชน์ได้ยังไงบ้าง
โฆษณา