เมื่อวาน เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

5 วิธีมีเงินใช้ไปทั้งชีวิต คุณเลือกแบบไหน?

ลองนึกภาพตาม…อยู่ๆ บริษัทเสนอ “Early Retire” ให้คุณ ได้เงินก้อนหนึ่งก้อนโตมา แล้วถามว่า “คุณพร้อมจะออกจากงานไหม?”
ฟังดูง่าย แต่จริงๆแล้ว ไม่ง่ายเลยครับ เพราะมันไม่ใช่แค่เงินก้อน แต่มันคือ เงินที่จะต้องเลี้ยงคุณทั้งชีวิต
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?
โลกการทำงานทุกวันนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้หมด การ lay off, ปรับโครงสร้างบริษัท, หรือแม้กระทั่ง AI ที่เข้ามาแทนงานบางอย่าง ถ้าเราไม่มีแผนการเงินที่ดี วันหนึ่งรายได้หลักหายไป ชีวิตอาจสั่นคลอนได้จริงๆ มาดู 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณมีเงินใช้ทั้งชีวิต
1.เก็บเงินก้อน
เก็บเงินก้อน แล้วทยอยใช้ไปเรื่อย ๆ เป็นหนึ่งวิธีที่หลายๆคนนึกถึง
ข้อดี : คำนวณง่าย ไม่ต้องไปวางแผนอะไรมาก เน้นเก็บเงินอย่างเดียว
ข้อเสีย :ใช้เงินเยอะ เสี่ยงถ้าเงินเฟ้อทำให้ค่าครองชีพเพิ่ม หรืออายุยืนกว่าที่คิด เงินก้อนที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ
ตัวอย่าง :
ถ้าคุณมีเงิน 3 ล้าน ใช้เดือนละ 25,000 บาท เงินก้อนนี้จะใช้ได้ประมาณ 10 ปี เท่านั้น เพราะไม่มีผลตอบแทนจากการเอาเงินไปต่อยอด
2.กินดอกเบี้ยหุ้นกู้ / ตราสารหนี้
ลงทุนในหุ้นกู้เอกชน/ตราสารหนี้ ได้ดอกเบี้ย 3–4% ต่อปี
ข้อดี : เงินต้นค่อนข้างนิ่ง, ได้ดอกเบี้ยสม่ำเสมอ
ข้อเสีย : เสี่ยงผิดนัดชำระ และไม่มีโอกาสให้เงินต้นโต
ตัวอย่าง:
ถ้ามีเงิน 5 ล้านบาท ลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.5% → จะมีรายได้ราว 175,000 บาท/ปี หรือประมาณ 14,500 บาท/เดือน
ฟังดูมั่นคง แต่ลองคิดดูว่า…ถ้าค่าใช้จ่ายคุณเดือนละ 25,000 บาท วิธีนี้อาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเก็บเงินต้นเพิ่มขึ้น
3.กินปันผลหุ้น
ซื้อหุ้นบริษัทที่มีกำไรต่อเนื่อง แล้วรับปันผลเป็นเงินสด (yield เฉลี่ย ~5%)
ข้อดี : ได้ทั้งปันผลและโอกาสราคาหุ้นขึ้น
ข้อเสีย : ปันผลไม่การันตีทุกปี ต้องเลือกหุ้นดี กระจายหลายตัว
ตัวอย่าง:
ถ้ามีพอร์ตหุ้น 4 ล้านบาท และได้ปันผลเฉลี่ย 5% ต่อปี จะได้ 200,000 บาท/ปี หรือราว 16,500 บาท/เดือน
ถ้ารายได้แบบนี้ยังไม่พอใช้ คุณอาจต้องเพิ่มเงินต้นหรือซื้อในจังหวะที่ราคาตลาดลดลง
4.กองทุน REITs / ทรัสต์อสังหาริมทรัพย์
เป็นเจ้าของอสังหาทางอ้อม ได้ค่าเช่าเป็นปันผล ~5–6%
ข้อดี : เข้าถึงง่าย กระจายหลายทรัพย์
ข้อเสีย : ขึ้นกับเศรษฐกิจ แพ้ดอกเบี้ยขาขึ้น เศรษฐกิจแผ่วเสี่ยงผู้เช่าลดลงหรือย้ายออกได้
ตัวอย่าง:
สมมติคุณมีคอนโดราคา 3 ล้านบาท ปล่อยเช่าเดือนละ 12,000 บาท รายได้ทั้งปีราว 144,000 บาท (~12,000 บาท/เดือน)
ฟังดูดี แต่ลองคิดดูว่า…ถ้าห้องว่าง 2–3 เดือน รายได้ที่คาดไว้ก็หายไปทันที จึงควรเตรียมเงินสำรองไว้เผื่อจังหวะที่ไม่มีผู้เช่า
5.กฎ 4%
มีพอร์ตโตเฉลี่ย ~7%/ปี แล้วถอนใช้ 4%/ปี + บวกเงินเฟ้อ 3%
ข้อดี : ใช้ได้ยาว พอร์ตยังโตต่อได้
ข้อเสีย : ต้องมีวินัย ถอนตามแผน อย่าเผลอนำเงินไปใช้ก่อน และเผื่อความผันผวนตลาด
ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีพอร์ต 10 ล้านบาท → ถอนใช้ปีละ 4% = 400,000 บาท/ปี หรือประมาณ 33,000 บาท/เดือน
ฟังดูมั่นคง แต่คุณก็ต้องเตรียมพร้อมเรื่องแผนสำรองและเมื่อพอร์ตเหวี่ยงขึ้นลง แล้ว “ใจต้องนิ่ง” ไม่หลุดแผน
ยกตัวอย่างตัวเลขให้เห็นภาพเพิ่มขึ้น
ถ้าอยากมีเงินใช้ไปทั้งชีวิต…คุณเลือกวิธีไหน และต้องใช้เงินต้นเท่าไหร่ ?
ถ้าอยากมีเงินใช้เดือนละ 50,000 บาท (600,000/ปี)
- เงินก้อนเดียว (30 ปี) 600,000 × 30 = 18,000,000 → ต้องมี ~18 ล้านบาท
- หุ้นกู้/ตราสารหนี้ (4%) 600,000 ÷ 0.04 = 15,000,000 → ต้องมี ~15 ล้านบาท
- หุ้นปันผล (5%) 600,000 ÷ 0.05 = 12,000,000 → ต้องมี ~12 ล้านบาท
- REIT (6%) 600,000 ÷ 0.06 = 10,000,000 → ต้องมี ~10 ล้านบาท
- กฎ 4% 600,000 ÷ 0.04 = 15,000,000 → ต้องมี ~15 ล้านบาท
เห็นชัดว่า แค่ผลตอบแทนต่างกันนิดเดียว แต่เงินก้อนที่ต้องเตรียมกลับต่างกันเป็นล้านๆ ยิ่งเลือกสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้เรา ใช้เงินเก็บน้อยลง แต่ยังมีรายได้เท่าเดิม
“หลังเกษียณคุณอยากมีเงินใช้เดือนละกี่บาท?”
ถ้าคุณอยากเห็นภาพของตัวเองแบบชัด ๆ โหลดแอป Lumpsum มาลองได้เลยครับ มีทั้งเมนู วางแผนเกษียณ ที่คำนวณให้ครบ (รวมเงินเฟ้อ) และเมนู งบรายรับรายจ่าย ที่ช่วยบอกเลยว่าตอนนี้คุณเก็บพอไหม
เพียงแค่กรอกตัวเลขของคุณ…คำตอบก็จะโผล่มาแบบง่าย ๆ ไม่ต้องนั่งกดเครื่องคิดเลขเองให้ปวดหัว
เพราะตัวเลขนี้ จะบอกชัดเลยว่าคุณต้องมีเงินเก็บกี่ล้านถึงจะอยู่ได้ทั้งชีวิต
คำถามคือ…วันนี้คุณกำลังเดินไปถึงเป้านั้นแล้วหรือยัง?
⠀ㅤㅤㅤㅤ
📍ติดตามช่องทางอื่นๆของ Lumpsum ได้ที่นี่
#Lumpsumน #วางแผนการเงิน #กฏการเงิน #วางแผนเกษียณ #เงินออมเกษียณ
โฆษณา