รู้จัก 5 บริษัท ที่แบกตลาดหุ้นเยอรมนี จนดัชนีทำ All Time High
1 ปีที่ผ่านมา ดัชนี DAX ของเยอรมนี เพิ่มขึ้น 27.7% และทำจุดสูงสุดตลอดกาล (All Time High)
แต่แรงขับเคลื่อนหลัก กลับไม่ใช่เศรษฐกิจของเยอรมนี
ทว่ามาจาก 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่แบกตลาดเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าดัชนี โดยทั้ง 5 ตัว มีมูลค่าบริษัทคิดรวมกันเป็น 42.6% ของมูลค่าดัชนี DAX
ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามีหุ้น 7 นางฟ้า
ตลาดหุ้นเยอรมนีก็มีหุ้น “5 ไททัน” เป็นเดอะแบกค้ำไว้อยู่
หุ้น 5 ตัวนี้ น่าสนใจอย่างไร ทำไมถึงกำลังแบกดัชนีทั้งตลาด ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ดัชนี DAX คืออะไร ?
DAX (Deutscher Aktienindex) เป็นดัชนีหุ้นหลักของเยอรมนี ที่สะท้อนผลการดำเนินงานของ บริษัทใหญ่ 40 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Stock Exchange)
ดัชนี DAX จึงเหมือนตัวชี้วัดเศรษฐกิจเยอรมนี เพราะบริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
โดย 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่แบกตลาดหุ้นเยอรมนี ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ต่างปรับตัวขึ้นอย่างมาก
5 บริษัทที่ว่า ประกอบด้วย
- SAP ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 14.1%
- SIEMENS ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 40.3%
- DEUTSCHE TELEKOM ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 11.3%
- AIRBUS ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 50.2%
- ALLIANZ SE ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 24.0%
แล้วทั้ง 5 บริษัท ทำธุรกิจอะไร ?
1. SAP ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์องค์กร ที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้น มีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก รวมถึงบริษัทชั้นนำในไทย
โดยซอฟต์แวร์ของ SAP เช่น ระบบ ERP, ระบบซัปพลายเชน และระบบการจัดซื้อจัดจ้าง
ผลประกอบการ 3 ปีล่าสุดคือ
- ปี 2022 รายได้ 1.10 ล้านล้านบาท กำไร 6.34 หมื่นล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 1.16 ล้านล้านบาท กำไร 2.21 แสนล้านบาท
- ปี 2024 รายได้ 1.27 ล้านล้านบาท กำไร 1.16 แสนล้านบาท
บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจาก
- ให้บริการผ่านคลาวด์ และขายซอฟต์แวร์ 87.3%
- ขายบริการ เช่น ให้คำปรึกษา, ช่วยดูแลระบบ 12.7%
ปัจจุบัน SAP มีมูลค่าบริษัท 9.4 ล้านล้านบาท
2. SIEMENS
ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีนวัตกรรมในหลากหลายธุรกิจ
ผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา
- ปี 2022 รายได้ 2.58 ล้านล้านบาท กำไร 1.63 แสนล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 2.78 ล้านล้านบาท กำไร 3.17 แสนล้านบาท
- ปี 2024 รายได้ 2.82 ล้านล้านบาท กำไร 3.34 แสนล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
- บริการด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก โดยพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการวินิจฉัยและบำบัดที่หลากหลาย เช่น เครื่อง MRI และ CT Scan 29.4%
- ผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับการเปลี่ยนพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน และการสร้างอาคารอัจฉริยะ 27.7%
- พัฒนาโซลูชันให้ภาคอุตสาหกรรม เช่น ซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมสำหรับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) 23.9%
- บริการโซลูชันและโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งด้วยรถไฟ 15.0%
- บริการทางการเงิน 0.5%
- รายการปรับปรุงงบการเงินอื่น ๆ 3.5%
ปัจจุบัน SIEMENS มีมูลค่าบริษัท 6.7 ล้านล้านบาท
3. DEUTSCHE TELEKOM
บริษัทที่ให้บริการด้านโทรคมนาคม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเมื่อวัดจากรายได้
โดยหนึ่งในบริษัทลูกก็คือ T-Mobile ที่ให้บริการเครือข่ายสื่อสารในหลายประเทศของยุโรป
ผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา
- ปี 2022 รายได้ 4.25 ล้านล้านบาท กำไร 2.97 แสนล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 4.16 ล้านล้านบาท กำไร 6.61 แสนล้านบาท
- ปี 2024 รายได้ 4.30 ล้านล้านบาท กำไร 4.16 แสนล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
- T-Mobile US ให้บริการด้านโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 64.8%
- ธุรกิจมือถือและอินเทอร์เน็ตในประเทศเยอรมนี 21.7%
- การดำเนินงานด้านโทรศัพท์บ้านและมือถือในประเทศอื่น ๆ ในยุโรป 10.5%
- ธุรกิจคลาวด์, โซลูชันความปลอดภัย และระบบเครือข่าย 2.9%
- การพัฒนากลุ่มบริษัท 0.1%
ปัจจุบัน DEUTSCHE TELEKOM มีมูลค่าบริษัท 5.5 ล้านล้านบาท
ก่อนจะไปกันต่อ รู้ไหมว่า ถึงเป็นดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีก็จริง แต่ก็มีน้ำหนักจากบริษัทใหญ่ในยุโรป เข้ามาอยู่ในดัชนีด้วย เช่น บริษัท AIRBUS
เนื่องจากหุ้น AIRBUS ได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในหลายตลาด เช่น ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสเปน
4. AIRBUS
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบิน ที่มีต้นกำเนิดมาจากการรวมตัวกันของบริษัทหลากหลายชาติ ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
ซึ่งหุ้น AIRBUS กลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นใหญ่ ที่แบกดัชนี DAX โดยปัจจุบัน AIRBUS มีมูลค่าบริษัท 5.8 ล้านล้านบาท
ผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา
- ปี 2022 รายได้ 2.18 ล้านล้านบาท กำไร 1.58 แสนล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 2.43 ล้านล้านบาท กำไร 1.41 แสนล้านบาท
- ปี 2024 รายได้ 2.57 ล้านล้านบาท กำไร 1.57 แสนล้านบาท
มีสัดส่วนรายได้มาจาก
- ธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ 72%
- ธุรกิจด้านการป้องกันประเทศ และอวกาศ 17%
- ผลิตและจำหน่ายเฮลิคอปเตอร์ 11%
5. ALLIANZ SE
กลุ่มบริการทางการเงินชั้นนำของโลก ที่ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับประกันภัยและจัดการการลงทุน
โดย ALLIANZ Group ถือเป็นบริษัทประกันภัยที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในโลก
และมี ALLIANZ SE เป็นบริษัทโฮลดิงและบริษัทรับประกันภัยต่อของ ALLIANZ Group ซึ่ง ALLIANZ SE อยู่ในดัชนี DAX ของเยอรมนี
ส่วนผลประกอบการย้อนหลังของ ALLIANZ SE
- ปี 2022 รายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม 4.93 แสนล้านบาท กำไร 1.78 แสนล้านบาท
- ปี 2023 รายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม 5.48 แสนล้านบาท
กำไร 3.00 แสนล้านบาท
- ปี 2024 รายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม 6.66 แสนล้านบาท
กำไร 3.20 แสนล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
- ประกันภัยทรัพย์สินและวินาศภัย (Property-Casualty Reinsurance) 96.6%
- ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ (Life/Health Reinsurance) 3.4%
ปัจจุบัน ALLIANZ SE มีมูลค่าบริษัท 5.1 ล้านล้านบาท
ทีนี้เราลองมาเปรียบเทียบกับหุ้น 7 นางฟ้าของทางฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่ก็เรียกได้ว่ากำลังแบกตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาอยู่เช่นกัน
ซึ่งก็คือ
- NVIDIA มูลค่าบริษัท 137.7 ล้านล้านบาท
- Microsoft มูลค่าบริษัท 121.8 ล้านล้านบาท
- Apple มูลค่าบริษัท 111.7 ล้านล้านบาท
- Alphabet มูลค่าบริษัท 92.7 ล้านล้านบาท
- Amazon มูลค่าบริษัท 78.5 ล้านล้านบาท
- Meta มูลค่าบริษัท 60.4 ล้านล้านบาท
- Tesla มูลค่าบริษัท 42.1 ล้านล้านบาท
ซึ่งทั้ง 7 บริษัทคิดเป็นประมาณ 33.5% ของมูลค่าดัชนี S&P 500
สัดส่วนยังน้อยกว่า หุ้น 5 ตัวในดัชนี DAX ของเยอรมนี ที่มีสัดส่วนสูงถึง 42.6% ของดัชนี DAX
ซึ่งถ้าเราลองสังเกตดี ๆ บริษัทในตลาดหุ้นสามารถบอกอัตลักษณ์ของเศรษฐกิจแต่ละประเทศได้ด้วยเช่นกัน
โดยประเทศเยอรมนี ผู้เล่นหลักคือบริษัท อุตสาหกรรม, สุขภาพ, โทรคมนาคม, การบิน, ประกันภัย
ส่วนทางฝั่งสหรัฐอเมริกา ก็จะเป็นบริษัท ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ฐานรายได้
ไม่ว่าจะเป็นหุ้น 7 นางฟ้าของสหรัฐอเมริกา หรือ 5 หุ้นใหญ่ของเยอรมนี ต่างก็มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก
จึงทำให้ได้รับผลกระทบจำกัด จากปัจจัยต่าง ๆ ภายในประเทศ
และกลายเป็นเดอะแบกของดัชนี
ที่หลาย ๆ ครั้ง มูลค่าหุ้น ก็อาจเติบโต สวนทางกับเศรษฐกิจของประเทศได้เช่นกัน..
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
