1. เราเห็นด้วยอย่างมากกับความเห็นคุณ "รองทา" เฉพาะตรงประโยคสุดท้ายที่บอกว่า "แต่ละคน นิยามความจริง ไม่เหมือนกัน" เพราะสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันไปมา เพราะต่างคนต่างใช้เพียงความคิด และความรู้สึก ที่ตนได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านมา แต่ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษย์ทัั้งหมดบนโลกใบนี้ เพราะยังไม่มีใครบรรลุมรรค ผล นิพพานเลยสักคน ให้อย่างไร มันก็ยังมีตัวกู มีกูท่องจำ กูได้ยินเขาว่ามา หรือกูคัดลอกมาจากหนังสือเล่มโน้นเล่มนี้ หรือกูได้ฟังจากผู้ที่กูเคารพนับถือ
2. เราอ่านพบบ่อยมากกับประโยคที่นำมาหยิบยกว่า "เห็นความจริง ตามความเป็นจริง" ทั้งๆที่เราตรวจสอบพบว่า พระสงฆ์ไทยรูปแรกที่กล่าว คือท่านพุทธทาส และอันที่จริงท่านพูดว่า
บุคคลมีจิตตั้งมั่นแล้ว
ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงในสิ่งทั้งปวง
(มันคือการที่ต้องปฏิบัติวิปัสสนาสมาธิ! จึงจะเห็น)
หากเรายึดที่คำสอนท่าน ลองทบทวนดูว่า ท่านเจตนาจะบอกหรือสอนอะไร ท่านต้องการจะบอกว่า "บุคคลมีจิตตั้งมั่น ย่อมเห็นฯ" ท่านไม่ได้บอกเลยสักนิดว่า "บุคคลมีความคิดตั้งมั่น ย่อมเห็นฯ" ส่วนถ้อยความ "ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง ท่านไม่ได้ทิ้งสร้อยขยายที่สำคัญอย่างคำว่า "ในสิ่งทั้งปวง" คำสอนท่านจึงลึกซึ้ง เกินกว่าที่เราจะหยิบเอามาท่องๆๆ
พระสงฆ์ต่อๆ มา ก็พยายามจะไปอ้างอิงทุกอย่างจากท่าน เพราะชื่อเสียงท่าน แต่ก็ดันไปตัดถ้อยความสำคัญออกไปเสียหมด จนชาวบ้านทั่วไป ต่างก็เข้าไม่ถึง งงในงง ไปตามๆกัน
ทุกวันนี้ มีกี่คนหรือกี่รูป ที่มีจิตตั้งมั่น มีแต่คำพูดลอยๆ ยกตนว่า กระผม/ดิฉัน เป็นผู้มีจิตตั้งมั่น บรรลุโน่นนี่นั่น แต่พอถามว่า "จิตคืออะไร" ก็ไปไม่เป็นกันแล้ว เพราะคนที่ถามใช้ความคิดตนถาม คนตอบก็พยายามจะตอบจากความคิดตน แล้วก็นำไปสู่การอ้างอิงต่างๆนานา โดยเฉพาะคำว่า "มาจากพระไตรปิฏก" ก็เท่านั้นเองค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
