Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มีเรื่องอยากจะเล่า
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 15:57 • กีฬา
(โพสต์นี้ยาว กำลังหัดเขียนครับ)
มีเรื่องอยากจะเล่า เกี่ยวกับทีมรักลิเวอร์พูลหน่อย ว่าการแข่งขันนัดล่าสุดกับแอตเลติโก มาดริดเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น
"เป็นโกงความตายมาเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันแล้ว หัวใจจะวายย"
1.นัดนี้ของลิเวอร์พูล (คืนวันพุธตีสองที่ผ่านมา) ที่เจอกับแตเลติโก มาดริดนัด เป็นการเตะนัดแรกของการแข่งขันในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปี 25/26 ของทีม
โดย 5 นัดหลังสุดที่เจอกันลิเวอร์พูลชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 แต่การแพ้แค่ 1 ครั้งนั้นเป็นการเขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบเมื่อปี 19/20 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งตัวแสบที่ทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบก็คือคนเดียวกับที่ยิงใส่เราในนัดนี้นี่แหละ - มาร์กอส ยอเรนเต้
2.นัดนี้แสงสปอร์ตไลท์ทั้งหมดส่งตรงไปที่อเล็กซานเดอร์ อิซัคแน่นอน เพราะแฟนบอล (ฉันเชื่อว่า) ทุกคนสนใจเขาแน่นอน ด้วยเหตุผลหลายอย่างทั้งค่าตัวการย้ายทีมที่เป็นสถิติพรีเมียร์ลีค และเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่องมากที่สุดในชั่วโมงนี้คนหนึ่งของโลก ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะเป็นที่จับตามองของแฟนบอลทั้งทีมลิเวอร์พูลและทีมคู่แข่งอย่างแน่นอน
ใครจะไปคิดละครับว่าทีมฉันจะมีเงินถุงเงินถังไปซื้อออ
3.แต่อีกคนที่ฉันสนใจเป็นพิเศษก็คือ ฟลอเรียน เวียร์ซต์ แนวรุกคนใหม่ของเรา ที่นอกจากจะสวมเสื้อเบอร์โปรดของฉันคือหมายเลข 7 ยังเป็นสไตล์นักฟุตบอลที่ฉันชอบอีกด้วย
- ขอเล่าสั้นๆ เกี่ยวกับน้อง -
เวียร์ซต์เป็นกองกลางตัวรุกธรรมชาติที่หาพื้นที่เก่งมากคนนึง และเป็นคนที่เล่นฟุตบอลง่าย จ่ายบอลสั้น ยาวได้แม่นยำ และมีความสามารถในการยิงประตูที่ดี เป็นการผสมรวมของนักเตะที่ฉันรัก 3 คน คือ ติอาโก อาคันทาร่า + โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน + ดิโอโก้ โชต้าผู้ล่วงลับ มันทำให้ฉันจับตามองและเชียร์น้องมันเป็นพิเศษ
ยอมรับเลยว่า ณ ชั่วโมงนี้น้องคือลูกรัก ถึงแม้ยังไม่สามารถทำผลงานได้อย่างเป็นทางการ แต่ทุกนัดที่น้องลงถ้าจับตามองเวียร์ตซ์ดีๆ จะเห็นว่าน้องมันเก่งมากกก ไว้มีโอกาสจะมาเขียนอวยทีหลัง (ฮ่าา)
4.นัดนี้เป็นนัดแรกที่ทีมทำประตูได้เร็ว แค่นาทีที่ 4 ก็ได้ประตูขึ้นนำจากการยิงฟรีคิกของคิงโม โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แต่ว่าคนที่ทำประตูคือรองกัปตันทีม พี่สี่จอมกวน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หรือร็อบโบ้ของเรา
เป็นช็อตที่โมปั่นฟรีคิกเข้าหาประตู และวิถีของลูกบอลมันโค้งไปโดนขาของร็อบโบ้ที่วิ่งกลับมาจากตำแหน่งล้ำหน้าตรงกำแพงของฝั่งตรงข้ามพอดิบพอดี บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปแบบที่แยน โอบลัคหมดสิทธิ์เซฟ
5.ความกวนของร็อบโบ้คือ หลังเกมเมื่อถูกนักข่าวถามว่าประตูแรกในเกมนี้ใครควรเป็นคนได้เครดิต ร็อบโบ้ตอบชัดเจนว่า
“แน่นอน มันเป็นของผม ซาลาห์ทำประตูให้กับทีมมาแล้วเป็นล้านประตูให้กับทีม ผมคงต้องแย่งมาจากเขาสักลูกนึงแน่นอน แต่ว่าช่างมันเถอะ ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นะเกี่ยวกับเรื่องนั้น มันแค่โดนใจผมน่ะ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่เป็นประตูแน่นอนถ้าหากลูกนี้ไม่โดนผม”
เอากับพี่แกซี่ 555+
6.และในนาทีที่ 6 โม ซาล่าห์ก็โชว์สเต็ปสมกับความเป็นคิงของแก คือ จังหวะนั้นโมได้บอลที่กราบขวา แกเลี้ยงตัดเข้าในมาผ่านหน้ากาลัน แบ็คซ้ายของแอต มาดริด ก่อนจะฝากบอลไปที่กราเฟนแบร์ก ที่ชิ่งกลับมาหาโม ที่วิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษโดยมีผู้เล่นของแอตมาริดสามคน คือ กาลัน กอนซาเลซ และกัลลาเกอร์รุมแย่งบอล โดยที่โมขืนตัวไว้ก่อนจะยิงผ่าน แยน โอบลัคเข้าประตูไปเลย
โดยที่ตอนนั้นข้างหน้าโมมีอิซัคและกั๊คโปวิ่งทำทางมาเหมือนกัน แต่คนมันจะเอาชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดอะนะ จังหวะนั้นยังไงก็ต้องยิง 555+
7.แค่ 6 นาทีพี่แกยิงไป 2 ประตู อเล็กซานเดอร์ อิซัคยังไม่ได้แตะบอลเลยด้วยซ้ำ แฟนบอลยิ้มหวานแล้ว หลายคนคงนึกว่านัดนี้ชิลแล้ว
แต่ยอมรับเลยว่า ณ จังหวะนั้นเราเสียว ถึงแม้จะนอนดูแบบยิ้มๆ แต่ว่ามันนำเร็วเกิน แถมนำสองลูกด้วย มันจะสบายไปมั้ยหว่า
8.และมันก็ไม่เกินคาด นาทีที่ 45+2 ตัวแสบสำหรับทีมลิเวอร์พูล มาร์กอส ยอเรนเต้ ที่เล่นแบ็คขวา ก็มายิงตีตื้นให้ทีมตราหมี
จังหวะนั้นไม่มีอะไรเลย รัสปาโดรีกองหน้าของแอต มาดริด ได้บอลจากบาร์ริออส ในขณะที่ยอเรนเต้วิ่งตัดเข้ากลางสนามไปที่แถวหัวกะโหลก รัสปาโดรีเลี้ยงบอลมาก่อนจะจ่ายไปทางซ็ายในกรอบเขตโทษให้กับยอเรนเต้ที่จับบอลก่อนหนึ่งจังหวะ บอลกลิ้งไปข้างหน้าเหมือนจะเกินระยะ ยอเรนเต้เหยียดขาเตะบอลอีกหนึ่งจังหวะ บอลผ่านหน้าโกนาเต้ และกลิ้งผ่านหลังกรีซมันน์ที่ยืนขวางหน้าอลิซงอยู่ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม
กลายเป็น 2 ประตูต่อ 1
9.ใช่แล้ว จังหวะยิงตีตื้นเมื่อกี้กรีซมันน์ยืนขวางหน้าอลิซงในจังหวะที่ยอเรนเต้ยิงพอดีจริงๆ เพราะว่าคนที่วิ่งตีคู่กับยอเรนเต้มาก็คือกรีซมันน์ ที่จังหวะที่ยอเรนเต้จับบอล กรีซมันน์ก็วิ่งตัดแนวไลน์กองหลังไปและขวางหน้าอลิซงพอดิบพอดี แต่ว่ากรรมการเช็คแล้วว่าไม่ล้ำหน้า เพราะว่าท่าทางของกรีซมันน์ไม่ได้มีเจตนาเล่นบอล แม้จะขวางอลิซงก็ตาม เพราะกรรมการมองว่าอลิซงมองวิถีบอลเห็น
จบครึ่งแรกไปแบบเสียววาบๆ ต่อมเอ๊ะที่ทำงานเมื่อตอนซาล่าห์ยิงเริ่มทำงานอีกรอบ
10.ครึ่งแรกอิซัคที่เป็นที่จับตามองยังทำอะไรไม่ได้มาก คงเป็นเพราะยังคงปรับจูนกับทีมอยู่และยังอยู่ในช่วงเรียกความฟิตด้วย
แต่ฉันได้เห็นความแตกต่างระหว่างอิซัคกับเอกิติเก้ (กองหน้าอีกคนที่ซื้อมาก่อนหน้าอิซัค) คือ อิซัคมีความเป็นสไตรเกอร์ธรรมชาติมากกว่าเอกิติเก้
11.พูดแบบนี้อาจไม่เป็นธรรมกับเอกิ เพราะน้องมันเพิ่งย้ายทีมมาก็ยิงไปได้ 3 ประตูจาก 3 นัดแรกแล้ว แต่ฉันเห็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าเอกิไม่เก่งแต่มันเก่งคนละแบบ
เอกิจะมีความเป็นตัวเชื่อมเกม มีความเป็นฟอลส์ไนน์ (False9) มากกว่า เอกิจะหาที่ว่างดี เล่นชิ่งบอลกับเพื่อนบ่อย และบางครั้งลงมาล้วงบอลถึงกลางสนาม หลายครั้งที่เราเห็นว่าเมื่อบอลมาถึงเอกิ เอกิจะมองหาเพื่อนก่อนและส่งบอลต่อก่อนจะวิ่งหาที่ว่างเพื่อรับบอล จะยิงก็ต่อเมื่อมีจังหวะดีๆ หรือมีพื้นที่เท่านั้น
แตกต่างกับอิซัคตรงนี้
12.อิซัค เมื่อได้บอล สิ่งแรกที่อิซัคทำคือ มองไปที่ประตูและยิงทันที และเกมนี้อิซัคมีโอกาสยิงจังๆ สองครั้ง
ครั้งแรกได้บอลจากเวียร์ตซ์ทางกราบซ้าย อิซัครับบอลด้วยเท้าขวา ลูกบอลอยู่ติดเท้า จังหวะเดียวกันก็หมุนตัว เข้าหาประตู ยังไม่ทันที่จะได้แต่งตัวดี อิซัคก็ชักเท้าขวาข้างถนัดและยิงอย่างรวดเร็ว บอลผ่านหน้าประตูไปนิดเดียวอย่างหน้าเสียดาย
ครั้งที่สองได้บอลจากเวียร์ตซ์ทางกราบซ้ายอีกครั้ง คราวนี้ออกมาทางซ้ายมากกว่าเดิมเล็กน้อย อิซัครับบอลด้วยเท้าขวา หมุนตัวเหมือนครั้งแรก จังหวะนั้นร็อบโบ้วิ่งผ่านหน้าเพื่อทำทาง ถ้าเป็นเอกิเชื่อว่าเอกิอาจจะเลือกส่งบอลให้ร็อบโบ้ก่อนจะวิ่งเข้าหาทีว่างเพื่อยิง เพราะจังหวะนั้นกองหลังของแอตมาดริดประกอบอยู่ถึงสองคน
แต่สิ่งที่อิซัคทำคือแตะบอลต่ออีกหนึ่งจังหวะไปทางขวาด้วยเท้าขวา ก้าวสองก้าวตามบอล ก่อนจะยิงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ครั้งนี้บอลไม่แรงเท่าไหร่และตรงตัวแยน โอบลัค รับบอลไปแบบไม่ยากเย็นอะไร
แม้เกมนี้จะได้เล่นแค่ 58 นาทีและยังไม่มีผลงานแบบเป็นทางการแต่ฉันก็ได้เห็นว่า กองหน้าค่าตัวมหาศาลคนนี้มีของขนาดไหน จริงๆ ก็เห็นมานานละ แถมเมื่อตอนอยู่นิวคาสเซิลก็ชอบยิงใส่ลิเวอร์พูลซะด้วย ( 4 ประตู จาก 6 เกมที่เจอลิเวอร์พูล)
13.เล่าอย่างรวบรัดว่าในนาทีที่ 80 ยอเรนเต้ก็มาทำประตูตีเสมอใส่ลิเวอร์พูลจนได้ จากการรับบอลที่บาริออสยิงไปติดโกนาเต้แล้วเด้งมาเข้าทาง ยอเรนเต้วอลเล่ย์แบบไม่จับ บอลแฉลบอเล็คซิส แม็คอลิเตอร์ที่ลงมาแทนกั๊คโป บอลพุ่งขึ้นสูงก่อนจะโค้งลงอย่างรวดเร็ว ผ่านอลิซงที่พุ่งตัวสุดเหยียดแต่ไปไม่ถึงบอล
นั่นไงล่ะ เอาจนได้ โดนตีเสมอจนได้ ต่อมเอ๊ะฉันนี่แม่นจริงๆ
14.แต่ถึงแม้จะโดนตีเสมอกลับมาจากการนำอยู่สองประตูก็ตาม เรากลับไม่รู้สึกว่าทีมจะแพ้เลย แต่ยอมรับจากใจว่าหายใจไม่ทั่วท้องเพราะไม่อยากเสมอ
ก็แหมอุตส่าห์นำซะเร็วขนาดนั้น มาเสมอหรือแพ้มันก็ไม่ได้สิ มันเสียความรู้สึกนะ
และสิ่งที่เห็นในสนามคือนักเตะของลิเวอร์พูลไม่ได้เสียกำลังใจเลย กลับกันกลับเหมือนถูกปลุก ถูกกระตุ้นให้ตื่นมากกว่าเดิมอีก
จริงๆ ตั้งแต่ก่อนโดนตีเสมอแล้ว อาเน่อ ชล็อตก็คงไม่อยากเสมอหรือแพ้ สังเกตได้จากการที่เปลี่ยนเอาเจ้าหนูริโอ เอ็นกูโมอาลงมาในสนามเพื่อจะอาศัยลูกพริ้ว ลูกเลี้ยงจี้ของเจ้าหนูริโอเพื่อทำลายแผงหลังของแอต มาดริดนั่นแหละ
15. แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้ไม่ใช่วันของน้องใหม่เลย ริโอไม่สามารถเลี้ยงเข้าไปในกรอบเขตโทษได้เลย เมื่อริโอได้บอล เลี้ยงไปได้แปปเดียวก็ต้องส่งบอลต่อทันที เพราะแผงหลังที่แน่นและมีระเบียบของทีมตราหมีนี่แหล่ะ ทำให้วันนี้ไม่ใช่วันโชว์ของเจ้าหนูนี่
16.ลิเวอร์พูลบุกอย่างต่อเนื่อง โหมใส่แอตเลติโก มาดริดทั้งยิง ทั้งจ่าย กดใส่ทีมตราหมีไม่หยุด ทีมเราได้เตะมุมช่วงท้ายเกมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันจำไม่ได้จริงๆ แต่มีที่ใกล้เคียงกับการเป็นประตูอยู่ 3 ครั้ง
ครั้งแรกในนาทีที่ 85 เป็นโกนาเต้โหม่งหลุดเสาแรกออกไป
ครั้งที่สองในนาทีที่ 88 คราวนี้เป็นเอกิติเก้วิ่งตัดหน้าแผงหลังแอต มาดริด ก่อนจะเทคตัวโหม่งเปลี่ยนทาง บอลพุ่งลงพื้นและเด้งออกเฉัยดเสาแรกออกไปนิดเดียว
และมาครั้งที่สามในนาทีที่ 90+2 คราวนี้เป็นบอลจากทางขวาบ้าง ก่อนที่จะเตะมุม กล้องจับมาที่เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ลูกพี่ใหญ่ของทีมหงส์แดงชุดนี้ เรารู้สึกได้ถึงออร่าบางอย่าง ณ ตอนนั้นเรานึกในใจ ‘เอาสักหน่อยน้าาลูกพี่ โหม่งโชว์เด็กมันหน่อย’
ภาพตัดมาที่โซโบสไลยืนชูมือให้สัญญาณ ก่อนจะครอสบอลไปที่หน้าประตู ฟาน ไดจ์คกำลังเบียดแย่งพื้นที่อยู่กับอา เลอร์ นอร์ม็องกองหลังทีมตราหมี บอลพุ่งมาที่ฟาน ไดจ์ค ที่อาศัยพละกำลังที่เหนือกว่าแย่งพื้นที่มาได้ และโหม่งบอลลงพื้น ก่อนที่บอลจะเข้าประตูไป โดยที่แยน โอบลัคพุ่งเซฟไปทัน
17.เป็นประตูปิดเกมที่สวยงามมาก ลูกพี่ใหญ่แห่งแอนฟิลด์เป้นคนทำประตู โดยที่ประตูก่อนหน้านั้นเป็นซีเนียร์ทั้งหมดทำประตูได้ เหมือนเป็นการโชว์ให้น้องๆ ในทีมเห็นว่าการทำประตูมันเป็นยังไง 555+
แต่เอาจริง การที่นัดนี้เป็นซีเนียร์ของทีมทำประตูทั้งหมด มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณและบอกคนในทีมว่า ไม่ว่ายังไงทีมนี้จะมีเหล่าซีเนียร์พวกนี้นี่แหล่ะเป็นที่พึ่งพิงเพื่อที่จะประคองและส่งต่อทีมให้กับรุ่นใหม่ต่อไป
โดยที่คนที่ทรงอิทธิพลทั้งสามแสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาด ความแข็งแกร่ง และออร่าของหัวหน้าทีมแบบสุดๆ
18.จริงๆ มีอีกสองคนที่เราไม่ได้พูดถึงคือ โดมินิก โซโบสไล กองกลางพลังม้าคนใหม่ของลิเวอร์พูล ที่ไม่ว่าทีมจะเสียบอลขนาดไหน หรือเพื่อนกำลังทำเกมและมองหาคนที่จะส่งบอลให้ โซโบ้จะอยู่ทุกที่ทั่วสนามเสมอ
และอีกคนคือไรอัน กราฟเฟนแบร์ก ตัวบัญชาเกมจากแนวลึกที่พลิกบอลสวยมากกก ทุกครั้งที่กราฟได้กระชากบอล จะเมื่อเป็นการเปิดสวิตช์เกมรุกทันที แม้ธรรมาชาติกราฟจะเป็นกองกลางแบบ Box to Box ก็ตาม แต่ความสามารถในการอ่านเกมและช่องไลน์ของเขามันทำให้เขากลายเป็นตัว Holding ที่แปลกใหม่จริงๆ
แถมนัดนี้กราเฟนแบร์กได้ Player of the match จาก Calsberg ด้วยนะ
เกมนี้ขาดสองคนนี้ไม่ได้จริงๆ
19.นี่เป็นการเชียร์บอลแบบเยี่ยวเหนียวเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันของเด็กหงส์ทุกคนจริงๆ
เป็นการยิงท้ายเกม 5 นัดติดจากการแก้เกมของเฮดโค้ชของเรา อาเน่อ ชล็อต จนตอนนี้กลายเป็นที่พูดถึงว่าเป็น "Arne's time" ไปแล้ว
แต่ขอร้องละ จากใจแฟนบอลตัวน้อยๆ ที่คอยตามเชียร์มาเป็นสิบๆ ปี ขอเถอะครับ ไอ้เอกลักษณ์ "ไม่เยี่ยวเหนียว ไม่ใช่ลิเวอร์พูล" นี่ เพลาๆ บ้างก็ได้
หัวใจจะวายยย🤣🤣🤣
ฟุตบอล
ลิเวอร์พูล
พรีเมียร์ลีก
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย