19 ก.ย. เวลา 04:00 • สุขภาพ

อาการมือสั่น เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

บทความโดย อ. นพ. วีรวัฒน์ แสงภัทราชัย
สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
อาการมือสั่น (hand tremor) เป็นอาการหนึ่งทางระบบประสาทที่สามารถพบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ ซึ่งมักเกิดจากการที่สมองทำงานผิดปกติ อย่างไรก็ตามอาการมือสั่นบางชนิดก็เกิดจากระบบประสาทส่วนปลายที่ไม่เกี่ยวข้องกับสมองก็เป็นได้ ซึ่งอาการมือสั่น แม้จะดูคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งประสาทแพทย์จะใช้ความแตกต่างนี้ในการช่วยวินิจฉัยโรคหรือภาวะที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอาการมือสั่น
คำถามคือ แล้วอาการมือสั่นที่ดูจะคล้ายกัน ประสาทแพทย์แยกแยะจากกันได้อย่างไร?
ในทางประสาทวิทยา อาการมือสั่นสามารถแยกออกจากกันได้ง่าย ๆ ด้วยการดูกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาการมือสั่นจึงสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น สองชนิดใหญ่ ๆ คือ อาการมือสั่นขณะพัก (rest tremor) หรืออาการมือสั่นขณะเคลื่อนไหว (action tremor)
- อาการมือสั่นขณะพัก คืออาการมือสั่นที่เกิดขณะที่ไม่เคลื่อนไหว อาจเกิดขณะวางพักบนพนักเก้าอี้หรือบนหน้าตัก ซึ่งในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยอาจจะกำลังดูโทรศัพท์ หรือพูดคุยกับผู้อื่น ซึ่งเบี่ยงเบนความสนใจไปจากมือที่วางพักอยู่ ผู้อื่นรอบข้างมักจะเป็นผู้ที่เริ่มสังเกตได้ว่าผู้ป่วยมีอาการมือสั่น ซึ่งผู้ป่วยเองมักไม่รู้สึกตัว
ในช่วงแรกของโรค แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วอาการมือสั่นมีความแรงมากขึ้น กล่าวคือขนาดหรือความกว้างของอาการสั่นมากขึ้น ผู้ป่วยจึงจะรับรู้ได้มากขึ้น ทำให้เกิดความรำคาญและรบกวนชีวิตประจำวัน
อาการมือสั่นในขณะพักนี้มักพบในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน, ผู้ป่วยที่มีภาวะคล้ายโรคพาร์กินสัน หรือเรียกว่าพาร์กินโซนิซึม (parkinsonism), ผู้ป่วยโรคมือสั่นไม่ทราบสาเหตุ (ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป) ที่เป็นมานานเป็นสิบปี หรืออาการสั่นที่สัมพันธ์กับการใช้ยาบางชนิด เช่น ยากันชักที่ชื่อ valproate เป็นต้น
- อาการมือสั่นขณะเคลื่อนไหว คืออาการมือสั่นที่เกิดเมื่อมีการใช้งานมือหรือแขนเช่น ยกแขน ถือของ ถือแก้วน้ำ ติดกระดุม ใช้กุญแจ หรือเขียนหนังสือ เป็นต้น อาการมือสั่นขณะเคลื่อนไหวสามารถแบ่งออกได้อีกง่าย ๆ เป็นสองชนิดย่อยคือ อาการมือสั่นขณะยกต้านแรงโน้มถ่วง (postural tremor) และอาการมือสั่นขณะเคลื่อนเข้าใกล้เป้าหมาย (intention tremor)
- อาการมือสั่นขณะยกต้านแรงโน้มถ่วง มักเกิดขึ้น เมื่อยกแขนค้างไว้ โดยอาจจะเป็นการยกมาข้างหน้า หรือยกแบบกางปีก แล้วพบว่ามีอาการมือสั่น ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่สังเกตในท่าทางเหล่านี้ แต่มักจะสังเกตขณะถือของเช่น ถือถุงใส่ของ ถือแก้วน้ำ ถือถาดอาหาร เป็นต้น
อาการมือสั่นขณะยกต้านแรงโน้มถ่วง สามารถพบได้ในหลายโรคหรือหลายภาวะเช่น ผลข้างเคียงของยาหรือสารบางชนิดเช่น กาแฟ ชา ยาสเตียรอยด์ ยาพ่นรักษาโรคหอบหืดเช่น albuterol ยากันชักเช่น valproate ยารักษาโรคทางจิตเวชเช่น ลิเธียม (Lithium) หรือแม้กระทั่งยาบางชนิดที่ใช้เสริมในนักเพาะกายเช่น
clenbuterol ดังนั้นจึงสำคัญมากที่ผู้ป่วยควรจะนำยาทุกชนิดที่รับประทานอยู่ เพื่อให้ประสาทแพทย์ตรวจสอบว่าน่าจะสัมพันธ์กับอาการสั่นหรือไม่ นอกจากนี้อาการสั่นชนิดนี้ยังพบใน ภาวะที่ทำให้ระบบประสาทอัตโนวัติทำงานมากผิดปกติเช่น ธัยรอยด์เป็นพิษ, ภาวะมือสั่นจากโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง หรือโรคพาร์กินสัน ก็สามารถมีอาการมือสั่นชนิดนี้ได้เช่นกัน
- อาการมือสั่นขณะเคลื่อนใกล้เป้าหมาย เป็นอาการมือสั่นที่มักสัมพันธ์กับการใช้งาน เช่นขณะเขียน ขณะติดกระดุม ขณะใช้กุญแจไขกลอนประตู ขณะกดคีย์บอร์ดหรือโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ซึ่งอาการสั่นนี้มักจะมีผลต่อการใช้งาน ทำให้รบกวนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้น
อาการมือสั่นชนิดนี้มักพบในโรคมือสั่นที่ไม่ทราบสาเหตุ (essential tremor (ET) หรือที่แพทย์มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า ‘อีที’) ซึ่งเป็นโรคมือสั่นที่พบบ่อยมาก ๆ อาจพบได้ตั้งแต่วัยรุ่น หรือพบในผู้สูงอายุ และผู้ป่วยมักมีประวัติคนในครอบครัวมีอาการมือสั่นเช่นกัน อาการมือสั่นชนิดนี้ยังพบเป็นผลข้างเคียงจากยาได้ ซึ่งมักเป็นจากยา
ดังที่กล่าวข้างต้น, โรคสมองน้อยทำงานผิดปกติ ซึ่งผู้ป่วยมักมาพร้อมกับอาการเดินเซด้วย, ภาวะมือสั่นจากโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง โรคพาร์กินสัน หรือโรคมือสั่นที่เกิดจากเส้นประสาทส่วนปลายผิดปกติ เป็นต้น
นอกจากประสาทแพทย์จะตรวจว่าอาการมือสั่นสัมพันธ์กับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างไร หรือสัมพันธ์กับกิจกรรมใดเฉพาะเจาะจง ยังต้องดูจำนวนข้างของอาการสั่น (หนึ่งข้าง หรือสองข้าง) จังหวะของอาการมือสั่น ความถี่ของอาการมือสั่น อาการมือสั่นในขณะเขียน ตำแหน่งของอาการสั่นนอกจากมือ เช่นศีรษะ ใบหน้า เสียง ขาหรือลำตัว รวมถึงยังต้องถามถึงประวัติอื่น เช่น การเริ่มมีอาการ ระยะเวลาของอาการ การ
ตอบสนองของอาการสั่นกับแอลกอฮอล์ ประวัติครอบครัว ประวัติยาที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่งหรือยาเสริมต่าง ๆ อาการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเร็วของการเคลื่อนไหว ความตึงกล้ามเนื้อ การเดิน การทรงตัว เป็นต้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แม้อาการมือสั่นจะเห็นได้ง่าย ๆ ด้วยตาว่ามีอาการสั่น แต่ประสาทแพทย์จำเป็นจะต้องถามประวัติเพิ่มเติม ตรวจร่างกายทางระบบประสาท หรือแม้กระทั่งระบบอื่นนอกจากระบบประสาทเพิ่มเติม ดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการมือสั่น หรืออาจจะสั่นในส่วนอื่นของร่างกาย ควรได้รับการปรึกษาเบื้องต้นโดยแพทย์ทั่วไป
แพทย์อายุรกรรม หรือทางที่ดีกว่านั้นคือ ประสาทแพทย์ หรือประสาทแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมถัดไป ซึ่งในปัจจุบันมียาและเทคโนโลยีในการรักษาภาวะมือสั่นจากโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ และโรคพาร์กินสันที่ก้าวหน้ามากขึ้นในประเทศไทยแล้ว
โฆษณา