Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
20 ก.ย. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เร่งดำเนินคดีอาญา-แพ่ง มูลค่า 5.9 พันล้าน
ก.ล.ต. เร่งคดีอาญา 12 คดี ทุจริต–สร้างราคา–ข้อมูลเท็จ มูลค่ากว่า 5,900 ล้าน พร้อมมาตรการทางแพ่ง 16 คดี
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยในงาน Media Briefing ก.ล.ต. พบสื่อมวลชน เดือนกันยายน 2568 ว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมา ก.ล.ต. ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กันยายน 2568 มีการดำเนินคดีอาญารวม 12 คดี มูลค่าความเสียหาย 5,947 ล้านบาท แบ่งเป็น การสร้างราคา 4 คดี จำนวน 14 ราย /การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ 1 คดี จำนวน 1 ราย
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ฟรอนต์รันลูกค้า 1 คดี จำนวน 3 ราย /การทุจริต 1 คดี จำนวน 2 ราย /การแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด 3 คดี จำนวน 16 ราย /การประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 คดี จำนวน 11 ราย
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังใช้มาตรการทางแพ่งรวม 16 คดี คิดเป็นมูลค่า 113 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังเพียงช่วงเดียวมีการปรับทางแพ่งถึง 98 ล้านบาท พร้อมเรียกคืนผลประโยชน์ 42 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบอีก 2 ล้านบาท
นายเอนก กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีคดีที่ผู้กระทำผิดไม่ยอมรับโทษทางแพ่ง จำนวน 14 คดี รวมวงเงินกว่า 97 ล้านบาท โดย 13 คดีอยู่ในชั้นอัยการเพื่อฟ้องต่อศาล และอีก 1 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้ คดีแพ่งจะสิ้นสุดเพียงสองศาล คือศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทำให้กระบวนการพิจารณาเร็ว ต่างจากคดีอาญาที่ใช้เวลานานกว่า
อย่างไรก็ตาม นายเอนก ยังอธิบายถึงข้อจำกัดของกฎหมายว่า หากผู้กระทำผิดไม่ยอมรับโทษทางแพ่ง ก.ล.ต. ไม่สามารถบังคับใช้ได้โดยตรง ต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษา อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ใช้กลไกเสริมเพื่อรักษาความเชื่อมั่นในตลาด ได้แก่ regulatory discipline หรือการกำกับควบคู่กฎหมาย และ market discipline คือแรงกดดันจากตลาด เช่น ผู้จัดการกองทุนเลือกไม่ลงทุนในกิจการที่ผู้บริหารมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
สำหรับคดีทุจริตร้ายแรง เช่น ฉ้อโกงบริษัทจดทะเบียน ไม่สามารถใช้มาตรการทางแพ่งได้ ก.ล.ต. จึงดำเนินการทางอาญาโดยตรง โดยโทษมีทั้งปรับและจำคุก แม้ ก.ล.ต. จะไม่ได้มีอำนาจแบนโดยตรง แต่ผู้กระทำผิดจะถูกมองว่าขาดความน่าไว้วางใจ และไม่สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารได้
ขณะเดียวกันกระบวนการสอบสวน เมื่อ ก.ล.ต. ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน ตำรวจจะมีหน้าที่ทำสำนวนและต้องส่งต่อให้อัยการ หากอัยการเห็นชอบก็จะฟ้องศาล แต่หากไม่เห็นด้วย ตำรวจสามารถแย้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อวินิจฉัยเป็นที่สุด ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยสร้าง check and balance ระหว่างเจ้าหน้าที่และศาล
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ ก.ล.ต. ย้ำคือการเร่งรัดติดตาม ตรวจสอบ และนำเทคโนโลยีมาช่วยเสริมการทำงาน รวมถึงได้รับการสนับสนุนด้านบุคลากรจากบอร์ด ก.ล.ต. เพื่อทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ นายเอนก ยังเล่าถึงกระบวนการจัดการคดีว่า สำหรับมาตรการลงโทษทางแพ่ง ผู้กระทำผิดต้องยินยอมตามมาตรการที่คณะกรรมการกำหนด หากไม่ยอมรับต้องฟ้องศาลปกครอง ทำให้การออกมาตรการแบนหรือปรับไม่สามารถบังคับใช้ได้ทันที นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ทั้งคดีเก่าที่ค้างอยู่และคดีใหม่ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/257385
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
กลต
คดี
เศรษฐกิจ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย