19 ก.ย. เวลา 12:31 • ความคิดเห็น
ทุกประเทศมีดิวตี้ฟรี สำหรับนักท่องเที่ยว เป็นสินค้าปลอดภาษี ซึ่งแต่ละประเทศขนาดปลอดภาษีแล้ว ก็ยังแพงไม่เท่ากัน สินค้าบางตัวถ้าซื้อที่ประเทศเขา ที่ค่าเงินใหญ่กว่า สินค้าก็แพงตามค่าเงิน การมาซื้อในประเทศที่ค่าเงินต่ำกว่า ทำให้ได้ของที่ถูกกว่า แต่ก็ไม่เสมอไป ถ้าแบรนด์นั้นจัดโปรโมชั่นลดราคา ก็อาจจะทำให้สินค้าตัวนั้น ซื้อที่นั่นถูกกว่าที่อื่น
ส่วนเคาน์เตอร์แบรนด์ ที่คนไปรอต่อคิวซื้อ เพราะสินค้าตัวเดียวกัน ที่ช็อปอื่นขายหมดแล้ว ทำให้ต้องตามล่าหาสินค้าในช็อปต่างประเทศที่ยังมีอยู่
สินค้าแบรนด์บางครั้งทำรุ่นลิมิตเต็ด ขายเฉพาะสาขานี้เท่านั้น คือว่า ถ้าไปประเทศนั้น ต้องซื้อสินค้าตัวนี้เท่านั้น ไปประเทศอื่นไม่มี
เช่น ป๊อปมาร์ท ถ้าอยากได้ลาบูบู้รุ่นที่แต่งชุดไทย ก็ต้องซื้อที่ช็อปไทยเท่านั้น ก็จะเกิดการหิ้วไปขายต่างประเทศ เพราะประเทศเขาไม่มี หรือบางรุ่นที่ประเทศนั้นหมดแล้ว ก็ต้องบินมาตามหาอีกประเทศหนึ่งที่ยังมีขายอยู่ จึงทำให้เห็นว่า ชาวจีนที่นิยมป๊อปมาร์ท แทบจะตามล่ารุ่น ลิมิเต็ด ที่ประเทศตนเองไม่มี เป็นการโชว์ว่าได้ตัวที่หายากมากๆมาครอบครอง
ส่วนการดิ้วตี้ฟรี จะมีพวกที่รับหิ้วสินค้าต่างประเทศมาขายในไทย หรือแม้แต่ยอมบินไปต่างประเทศ เพื่อจะได้ซื้อในช็อปดิ้วดี้ฟรี เพื่อเอากลับมาขายในประเทศที่ถูกกว่าเคาน์เตอร์ข้างนอก เพราะเป็นราคาปลอดภาษี แต่จะบินไปแล้วกลับเลย ก็เสียเที่ยวเปล่า ก็จะหิ้วทั้งของต่างประเทศมาด้วย ตัวที่ในไทยไม่มีขาย สินค้าบางทียี่ห้อเดียวกัน แต่ผลิตคนละประเทศ ก็จะมีรุ่นที่ต่างกัน บางคนก็ชอบใช้รุ่นที่เมืองไทยไม่มี ก็จะขายได้
ถ้าคุณเป็นคนธรรมดา คุณต้องวิ่งเข้าช็อปแบรนด์เพื่อไปซื้อ ยืนต่อคิวด้านหน้า เพื่อจะได้เข้าไปซื้อกระเป๋าใบละแสนข้างใน แต่ถ้าคุณเป็นลูกค้าคนพิเศษ พนักงานจะโทรมาเชิญคุณเข้าร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อซื้อสินค้าก่อนใคร จะขอเพิ่มคุณเป็นเพื่อนในไลน์ เพื่อส่งภาพสินค้ามาให้ดู และถ้าคุณสนใจ พนักงานจะยินดีนำสินค้ามาให้ดูถึงบ้าน ให้คุณได้เลือกที่บ้านไม่ต้องไปที่ช็อปเลย แต่ถ้าขนาดมาขายถึงบ้าน คุณเป็นวีไอพีขนาดนั้น ก็คงช็อปหลักล้านแล้วล่ะ
โฆษณา